แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุปสรรคและปัญหา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุปสรรคและปัญหา แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ล้อมรั้ว ล้อมใจ

สัปดาห์ก่อนโน่น ไปซื้ออิฐมวลเบามาทำบล็อคปลูกผักสวนครัว ไม่ใช่ไม่มีที่ดินจะปลูก
ธรรมดาก็ปลูกอยู่แล้วนะ แต่บังเอิญเจ้าสองมะ ก็ชอบต้นไม้เหมือนกัน แต่ชอบกัด ชอบขุด ชอบคุ้ย เลยต้องหาวิธีปลูกที่ปลอดภัยขึ้น
หลังจากทำเสร็จไปสามบล็อค ลงกาบมะพร้าว ลงดินผสม เสร็จ ทิ้งไว้วันหนึ่งก็ลงเมล็ดผักคะน้าไว้บล็อกหนึ่ง ลงแตงกวาไว้อีกบล็อคหนึ่ง
ส่วนอีกบล็อคก็เอาต้นโหระพา พริก ผักชีฝรั่งที่ปลูกไว้ในกระถางมาลง แปลงปลูกทั้งสามก็สวยเชียว กะว่าพอต้นอ่อนเริ่มงอกจะถ่ายรูปมาอวดกันละ
ผ่านไปสองวัน กลับจากที่ทำงาน แปลงปลูกทั้งสามแปลงก็กระจาย เละเทะ เศษดินเต็มพื้นบ้าน เจ้าสองมะ เอาอีกแล้ว โดยการนำของลุงมาวินข้างบ้าน
หลังจากที่ดูเชิงมาสองวัน พอต้นอ่อน กำลังจะขึ้น พวก มะมะมา (มะลิ มะระ มาวิน) ก็ลงมือทันที และประสบความสำเร็จอย่างสูง
เมื่อปัญหามีไว้แก้ และอุปสรรคมีไว้ก้าวข้าม เสาร์ที่ผ่านมาก็เลยจัดการแก้ปัญหา ด้วยการล้อมรั้ว ตรงตามสำนวนไทยที่ว่า วัวหายแล้วล้อมคอก
แต่นี่เป็น หมาลุยแล้วล้อมรั้ว ก็ไปซื้อแผ่นพลาสติกเขียว ๆ รูๆ มาเมตรละ 30 บาท ก็ซื้อมายกม้วนเลย 30 เมตร เจ้าของร้านลดให้เหลือ 800 บาท

แล้ววันเสาร์ที่ผ่านมาก็จัดการทำรั้วซะ ล้อมแปลงใหญ่ และแปลงเล็ก กลายเป็นแบ่งสัดส่วนการปลูกไปเลย ก็ดูดีนะ ส่วนจะป้องกัน พวก มะมะมา ได้แค่ไหน
คงต้องดูกันต่อไป เพราะไม่รู้ว่าวันสองวันนี่ จะเป็นช่วงลองเชิงอีกหรือเปล่า
รั้วที่ทำนี่ ก็ใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นเสา ก็ทำไม่ยากหรอก แต่ใช้เวลาเหมือนกัน ส่วนที่ท้าทายคือส่วนที่จะใช้เป็นประตู ว่าจะทำอย่างไร พอเสร็จแล้วก็พอใจนะ
ว่ายังสามารถแก้ไขปัญหาได้อีกหน่อยหนึ่ง แต่อย่างที่ว่าคงต้องดูกันต่อไป
พอทำรั้วเสร็จ ก็เติมดินลงในบล็อค เป็นการชดเชยดินที่เสียไปจากการจัดการของพวก มะมะมา
เฉพาะภายในรั้วที่กั้นไว้ก็รวม ๆ ประมาณ 20 ตารางเมตรกว่า ๆ ปลูกต้นไม้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วหลายอย่างนะ ทั้งชะอม ขนุน ส้ม ส้มจี๊ด มะนาว กระเจี๊ยบ กระท้อน แค ขิง พริก และอื่น ๆ
พยายามให้มีหลากหลาย แล้วก็พยายามจะรักษาไว้ทั้งหมด แต่บางส่วนก็เป็นไม้ใหญ่ ยืนต้น คงต้องพยายามรักษาเอาไว้ให้โตขึ้นละนะ
ส่วนนอกรั้ว ก็ยังไปล้อมไว้อีกบล็อคหนึ่ง เหมือนที่บอกไว้แล้ว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน ไว้ คราวหน้านะ

ยังไง ๆ ก็ต้องรอดูระยะยาว ว่ารั้วที่ทำจะป้องกัน ต้นไม้ไว้จากพวก มะมะมา ได้หรือไม่
บางคนอาจจะตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ตี ไม่ทำโทษ พวก มะมะมา
ขอถามกลับว่าทำโทษไปแล้วได้อะไร? คนหลาย ๆ คน บอกว่าอย่าทำ ยังทำ ทั้ง ๆ ที่ก็พูดภาษาเดียวกัน นับประสาอะไรกับหมา ๆ พูดว่าอย่า ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก
ไม่รู้ว่าจะพูดว่าคนมันเป็นเหมือนหมา หรือหมาเขาเป็นอย่างคนดี...
ถึงจะทำโทษ ถึงจะตีไป พวกมะมะมา ก็ไม่เข้าใจหรอก อย่างมากก็แค่สงสัย ว่าตีทำไม เจ็บนะ แต่ต้นไม้ก็ไม่กลับมาเหมือนเดิมอยู่ดี
ถามต่อว่าผมโกรธไหม? ก็ไม่ได้โกรธ แค่หงุดหงิดนิดเดียว แล้วก็ขำ ๆ ก็นะ ปัญหามีไว้ให้แก้ อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม จะไปหงุดหงิดมันทำไม
ไม่เหมือนคนนะพูดกันภาษาเดียวกัน ห้ามแล้วก็ยังทำ ทั้ง ๆ ที่เข้าใจ นี่ซิ ที่เป็นปัญหา.. น่าเอามาเป็นอารมณ์มากกว่าเยอะ

ถ้าเอาคนเลวไปเทียบกับหมาแย่ อะไรที่มันจะทำให้โลกเราเลวลงกว่าเดิมกัน
หมามันก็แค่ขุด แค่คุ้ย แค่กัน ต้นไม้เล็ก ๆ พอล้อมรั้ว ก็ป้องกันต้นไม้ได้แล้ว
แต่คนนี่ตัดได้แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ ๆ ล้อมรั้วก็ป้องกันไม่ได้

ปัญหาจากหมา ๆ นี่ ยังพอป้องกันได้ แต่ปัญหาจากคนนี่ซิที่ป้องกันได้ยาก 
ลองไปหาโฆษณาชุด ขอโทษ ประเทศไทย ที่กำลังโดนแบน อยู่ช่วงนี้ดูนะครับ
แล้วลองย้อนดูตัวเองว่า เป็นอย่างนั้นหรือไม่
ยังไงก็เริ่มจากการป้องกันจิตใจของตัวเอง ให้ออกห่างจากการเห็นผิดเป็นชอบก่อนแล้วกัน

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

เครื่องมือรีดพลัง...

เช้าวันนี้ นั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็มีน้องเดินเข้ามาถาม.. ถามสั้น ๆ แต่แสดงความรู้สึกของน้องเขานะ...
"พี่เคยทำงานแล้วรู้สึกท้อไหมครับ"
"แบบ พอตื่นมาก็รู้สึก.... "

ผมรู้สึกว่าน้องคนนี้กำลังท้อกับอะไรซักอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ ส่วนคำตอบของผมนั้น

คนที่ทำงานจริง ๆ จัง ๆ ต้องเคย ท้อ กันทุกคนนั่นแหละ เพราะไม่มีใครที่ทำงาน หรือทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จอยู่ตลอดนะ เพราะหากไม่เคยทำผิดย่อมไม่สามารถจะพัฒนาตัวเองได้ และไม่ว่าคนเราจะทำงานเก่งยังไง ก็ต้องมีคนไม่ชอบเราอยู่เสมอ เพราะยังงั้น เราจึงควรทำตัวให้ดีเสมอ อย่าหลงตัวเอง เพราะผมเคยหลงมาแล้ว แน่นอนว่าคนรอบข้างไม่ว่าเรา เพราะต้องอาศัยเราเสมอ แต่พอถึงช่วงเวลาหนึ่ง ผมก็รู้สึกเองว่าผมกำลังทำตัวไม่ดีอยู่นะ และสามารถปรับตัวได้ น้องน่ะอายุยังน้อง ยังมีโอกาสปรับปรุงอีกเยอะ ยังสามารถพัฒนาอีกมาก อย่างผมนี่ ไม่สนับสนุนของปลอม ซื้อแต่ของลิขสิทธิ์ เพราะอะไร เห็นงานหลาย ๆ ที่อยู่ที่นี่ไหม หลายอย่างมาจากความคิดของผมที่ออกมาเป็นกระดาษทั้งนั้น แต่กลายเป็นงานคนอื่นเสมอ ผมจึงนับถือความคิดของผู้อื่นด้วย จึงรู้สึกว่าการละเมิดลิขสิทธิ์น่ะ เจ้าของความคิดจะรู้สึกแย่ยังไง แต่ผมก็ยังผ่านมาได้บ่อย ๆ นะ ท้อทุกครั้งที่เจอนั่นแหละ... พอท้อก็แค่้พัก เดี๋ยวก็หาย แล้วก็กลับมาทำงานได้เต็มที่อีกครั้ง
น้องเขาก็นั่งฟังด้วยดีนะ มีแสดงความคิดเห็นนิดหน่อย....
แล้วผมก็พูดถึงเรื่องอื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นความหลากหลายของปัญหา ที่คนต้องเจอ
แล้วก็สรุปให้น้องเขาไปว่า ก็แค่ปัญหา ผ่านไปได้แล้วก็เหมือนขึ้นบันไดไปอีกขั้นน่ะแหละ...

ดูเหมือนน้องเขาจะสบายใจขึ้นนะ ผมก็รู้สึกดีไปด้วยเวลาที่ทำให้คนอื่นสบายใจได้...
อยากบอกน้องเขาอีกนะ เคยได้อ่านข้อความบางอย่างที่ว่า
"ถ้าท้อก็แค่ถ่าน ถ้าผ่านจะเป็นเพชร"
ผมชอบข้อความนี้นะ ถ้ามีโอกาสจะคิดข้อความสวย ๆ แบบนี้บ้าง

ลองดูยาสีฟันของผมนะ มีเครื่องมือรีดให้ออกมาเยอะ ๆ จนเกือบหมดด้วยเห็นไหม
ไม่มีคน ๆ ไหนที่รีดความสามารถ พลังงาน ความคิดของตัวเองได้หมดหรอก ซัก 30% ก็หรูแล้ว
มันต้องมีอุปกรณ์ช่วยรีดนี่แหละ ถึงจะดี สำหรับผมก็คงเป็นปัญหาและอุปสรรคทั้งหลาย นั่นแหละ
หากเริ่มจากคำว่าทำไม หรือเพราะอะไร หรือยังไง ความคิดผมจะเริ่มวิ่งมากกว่าปกติทันที....
และหากผมรู้สึกท้อ ผมก็หยุดพักทันที เช่นเดียวกัน ไม่ดึงดัน ฝันฝืน ให้รู้สึกไม่ดีกับทุก ๆ ฝ่าย
ผมอาจโชคดีตรงที่ผมไม่เคยท้อนาน ๆ เลย แล้วก็ทำงานได้เรื่อย ๆ รวมทั้งความคิดที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมากก็ทำให้รู้สึกถึงสิ่งรอบ ๆ ตัวอย่างไม่มืดดำนักนะ

ช่วงบ่ายน้องเขาเลย มาถามอีก "พี่ ๆ มีหนังสือธรรมะดี ๆ แนะนำไหมครับ"
คำถามนี้ช่วยผมตอบหน่อยนะ เพราะสำหรับผม
หนังสือที่เปิดอ่านแล้วเข้าใจย่อมดีเสมอ และหากนำไปใช้ดีย่อมดีขึ้นไปอีก
คุณๆ ว่าผมควรจะตอบว่าอะไรดีครับ สำหรับคำถามนี้....

ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอยนะ ท้อก็พัก หนักก็นอน ตื่นก็หาย
แล้วก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอแหละครับ

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อุปสรรคและปัญหา

วันก่อนได้เข้าประชุมกับบอร์ดบริหารของบริษัทฯ เป็นครั้งที่สอง ไม่นับกรณีที่โดนสอบสวนหรือมีปัญหานะ
ก่อนจะเริ่มประชุมมีคนนึงถามขึ้นมาว่า "การประชุมครั้งนี้ใช้ภาษาอะไรคะ?" "ภาษาอังกฤษนะซิ มีญี่ปุ่นประชุมด้วยตั้ง 3 คน" อีกคนนึงก็ตอบให้เสร็จสรรพ คนเริ่มคำถามที่นั่งเก้าอี้ชิดกันกับผม ก็พูดเบา ๆ "แล้วเขาจะรู้เรื่องเหรอคะ" พร้อมกับบุ้ยใบ้มาที่ผม... เป็นคุณจะรู้สึกยังไงครับ แต่ผมรู้สึกว่า พวกเธอสองคนนั่นเป็นคนที่แคบมาก ๆ ถ้าจะมองใครแค่การแต่งตัวและตำแหน่ง ผมยอมรับว่าผมคงแต่งตัวไม่เหมาะสำหรับการประชุมบอร์ดบริหาร เพราะผมไม่ใช่ผู้บริหาร การแต่งตัวด้วยเสื้อของบริษัทฯ ใส่เสื้อคลุมเนื่องจากขับรถมอเตอร์ไซค์มา คงไม่สร้างความประทับใจเท่ากับการใส่สูทผูกไทด์หรอก แต่ผมก็แต่งตัวเหมาะสมกับการเป็นช่างเทคนิคนี่ ใช่ว่าไม่เหมาะสมเสียเมื่อไหร่ ผมว่าหลายปีหลังมานี่ผมมีพัฒนาการทางอารมณ์ดีขึ้นมากเลยนะ ไม่รู้สึกโกรธ หรือ หงุดหงิด เลย ซึ่งทำให้ผมยังประชุมได้ โดยมีสติ และความรอบคอบอยู่ ที่จริงผมก็คิดนะว่าการประชุมนี่จะใส่ชื่อผมไปทำไม เอาเฉพาะผู้บริหารก็พอ... การประชุมนัดบ่ายสามโมง คนที่มีตำแหน่งใหญ่สุดในห้องกับเล็กสุดในห้องเท่านั้น ที่ตรงเวลา ที่เหลืออีก 6-7 คน เข้าสายตลอด.... ปล่อยไปนั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว...

พอกลับบ้านไปนั่งคุยบ้านแม่ คุณลูกชาย เด็กชายมะระ ก็ก่อเรื่องไปคาบรองเท้าเพื่อสุขภาพของพี่สาวมากัดซะเละ ทำให้รู้สึกเบื่อ ๆ แม่มะลิก็เหมือนกัน แต่หมาก็ยังเป็นหมานะ มันทำไปตามสัญชาตญาณ นี่แหละเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างจากสัตว์ การควบคุมอารมณ์ การยับยั้งชั่งใจ การรู้จักผิดชอบชั่วดี นี่แหละทำให้คิดไปถึงพวกที่ ปล้น ฆ่า ข่มขืน แล้วก็พวกทำเรื่องร้าย ๆ ทั้งหลาย ว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติได้... ผมก็เจรจาค่าเสียหายกับพี่สาวไป
ปัญหาอยู่ที่เช้าวันอาทิตย์ ตื่นมาพบว่าเจ้าลูกชายตัวดี ไปเอารองเท้าพี่สาวอีกคู่นึงมากัดซะแล้ว.... งานเข้าละซิ พอแม่มะลิตื่นมาก็หงุดหงิด จะไม่ให้มันกินข้าว โมโหด้วย แม่มันจะรู้ไหมว่าอาการที่แสดงออกมาของเขา อาจทำให้พ่อมะระรู้สึกไม่ดีได้ .. แต่ผมก็เข้าใจนะ โมโหแบบไม่มีที่จะปลดปล่อย จะตีก็สงสาร แม่มะลิเลยร้องไห้ซะงั้น... สาย ๆ ผมเลยทำงานศิลปะชิ้นใหม่ รั้ว หมายเลขสอง เพิ่มความสูงและความถี่ให้กับรั้ว เพื่อไม่ให้ลูกสาวลูกชายข้ามไปบ้านพี่สาวกับบ้านแม่ได้ง่ายเกินไปนัก... ดูถ้าแม่มะลิก็คงพอใจนะ อารมณ์ดีขึ้น ที่เห็นผมสร้างอุปสรรคขวางกั้นเจ้ามะระกับบ้านพี่สาวได้...
ตอนบ่ายพลาดซะ ดันนอนกลางวัน ตื่นมาปวดหัวยันดึกเลย ต้องใช้ยาช่วย ดีนะที่เช้านี่ ค่อยยังชั่วแล้ว เลยมาทำงานได้...
ก็นะชีวิตมันจะราบเรียบไปตลอดได้ยังไง อุปสรรคมีไว้ให้เราก้าวข้าม ปัญหามีไว้ให้เราแก้ไข ถ้าไม่เปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นปัญหาบ่อยนัก ชีวิตก็มีรสชาดดีนะ (หวังว่า รั้วหมายเลขสองของผมจะเป็นปัญหาของเจ้ามะระนะ ไม่ใช่แค่อุปสรรค เหมือนรั้วหมายเลขหนึ่งที่มันกระโดดข้ามไปเอารองเท้ามากัดสบาย ๆ เลย)