วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ฝนพรำ


เช้านี้เริ่มต้นด้วย สภาพอากาศ ฝนตกพรำ ๆ ซัก 20 นาที.. แต่ดันเป็น 20 นาที ตอนที่อยู่นอกบ้านนะซิ
ปกติแล้ว ผมชอบฝนตก ฝนพร่ำ ๆ นี่ยิ่งชอบ ชอบตากฝน ผมว่ามันเย็นดี เหมือนกับว่าเราสัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ ผ่านร่างกายของเราเองโดยตรง
พอฝนหยุด อากาศก็เหมือนจะร้อนกว่าเดิม ดีแล้วที่เป็นไปตามฤดูกาล แสดงว่าความแปรปรวนน้อยลงกว่าปีก่อนนะ
ก่อนฝนตก ก็รดน้ำกล้วยไม้ ต้นไม้ตามปกติ มานึกได้ว่าไม่ได้เข้าไปรดน้ำในสวนนานแล้ว ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่นั่นแหละ
ใจจริงแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปพบเจอสภาพที่หดหู่ อย่างการที่ต้องเห็นต้นไม้ยืนต้นตายนะ ก็ได้แต่เข้าไปทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ยังไม่เคยเข้าไปเพื่อรดน้ำอีกเลย
เอาไว้สัปดาห์หน้าค่อยเข้าไปแล้วกัน

สภาพที่หดหู่ มักจะสร้างผลกระทบทางจิตใจให้กับคนเราได้เป็นอย่างดีเสมอ ถ้าเราเห็นแต่ภาพเศร้า ๆ น่าสงสาร จิตใจเราก็จะหดหู่ สมองเราก็จะไม่แจ่มใส ความคิดก็จะไม่เป็นไปในทางบวก เพราะยังงั้นผมเลยค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงกับสภาพการณ์แบบนั้นในลักษณะที่พบเจอติดต่อกันนาน ๆ เพื่อรักษาสภาพจิตใจตัวเองให้บวกอยู่เสมอ
แต่เกิดมาอยู่ในสังคมย่อมไม่พ้นจะต้องเจอสภาพที่จิตใจหดหู่อยู่บ้าง เพียงแต่จะจมอยู่กับมันนานแค่ไหน
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็เจอ สัปดาห์ก่อนโน่นก็เจอ สัปดาห์ก่อนของก่อนโน่นก็เจอ เรียกได้ว่าก็เจอสภาพการณ์ลักษณะนี้ตลอดนั่นแหละ
เจอขอทานอาชีพ ก็หดหู่ เจอรถชนกันก็หดหู่ เจอหมาเจ็บก็หดหู่ เจอคนที่ไม่จริงใจก็หดหู่ ฯลฯ

แต่ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเร็ว ๆ เพื่อให้หลุดจากสภาพหดหู่เร็วที่สุดนะ แล้วจะทำอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ตัวว่าจะฝึกจิตใจและความคิดของตัวเองอย่างไร
เมื่อเจอสภาพแบบนั้น ก็ต้องย้ายตัวเองออกมาแล้วมองกลับเข้าไปด้วยมุมมองใหม่ ๆ
ทำเรื่องราวที่ชอบ ย้ายสถานที่ หลาย ๆ อย่างที่ทำแล้วเราทำแล้ว หลุดจากสภาพนั้นได้ อย่าไปคิดหรือจมอยู่กับมันก็พอ

ปล่อยให้ความทุกข์ผ่านไปเร็ว ๆ จิตใจก็ดีเองแหละ
ถ้าฝนตกลงมาอีกรอบ ก็จะไปตากฝนอีกที ให้ฝนมันชะอะไรที่หมองมัวอยู่ในความคิดและจิตใจออกไปให้หมด
ก็คนมันชอบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น