วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ศรัทธาสั่นคลอน ตัวตนสั่นไหว...

เคยมีความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเองไหมครับ
หรือว่าคุณยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง?
การที่เราจะรู้จักตัวตนของตนเองนั้น หากไม่ไปเปิดอ่านเรื่องเหล่านี้ในหนังสือจิตวิทยาหรือปรัชญาต่าง ๆ อาจจะมีคำตอบให้กับพวกคุณกันมากมาย ส่วนในความคิดของผม ตัวตนของเรานั้นเป็นส่วนที่จะบอกว่าเราคือใครและเป็นอย่างไร ก็เท่านั้น...
เราคือใครไม่ใช่หมายถึงชื่อเสียงเรียงนาม หรือตำแหน่งการงาน แต่เป็นส่วนที่บอกกับตัวเองว่าเราคือคนที่อยู่ส่วนไหนของสังคม ของโลก ของจักรวาลนี้
และเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้หมายถึงยากดีมีจน หรือหน้าตาในสังคม แต่เป็นการที่เราสามารถบอกกับตัวเองได้ว่าเราอยู่ในส่วนที่ดีหรือเลว....และมีความเชื่อมั่นหรือศรัทธาต่อสิ่งใด

หลายคนอาจไม่สามารถระบุตัวตนของตัวเองตามความหมายของผมได้ เนื่องจากยังไม่รู้จักตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ เพียงพยายามที่จะรู้จักตัวเองเท่านั้น ก็สามารถระบุตัวตนของตัวเองได้แล้ว...

ตัวตนของผมคงจะสามารถระบุได้ว่า เป็นคนที่ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากเคยผ่านจุดที่เป็นคนไม่ดีมาแล้ว และมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง จึงสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นปัจจุบันได้ โดยที่มีความเชื่อและความศรัทธาที่เกี่ยวข้องกับความจริงความถูกต้องทั้งหลาย การไม่โกหก การเข้าใกล้ธรรมชาติ การไม่เอารัดเอาเปรียบ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การประนีประนอม

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมักจะเจอกับบททดสอบที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาและความเชื่อของตัวเองอยู่เสมอ..
หลาย ๆ ครั้งก็มีการสั่นคลอนบางซึ่งทุกครั้งก็มักทำให้เกิดอาการท้อแท้และรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ซักพักนึง แต่ก็สามารถผ่านไปได้ทุกครั้ง หากมองย้อนดูในบล็อกนี้ ก็จะเห็นนะว่ามีอยู่ซักครั้งสองครั้งที่มีการบันทึกอยู่ถึงการสั่นคลอนของศรัทธาของผม

สัปดาห์ที่แล้วก็เกิดอาการนี้อีก เป็นเรื่องของการที่ผมเห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม การเอารัดเอาเปรียบ และมีการพูดออกไป การขอคำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ย้อนกลับมากลับเป็นคำว่าผมมีอคติ..
อคติทำให้ตาบอดข้างหนึ่ง คนที่มีอคติเวลาที่ทำอะไร มักจะมองได้ไม่ทั่วถึง
ในการทำงานนั้นผมไม่มีอคติมานานแล้ว ตั้งแต่ที่ตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเอง หลายปีแล้ว...
จากคำตอบที่ได้ว่าผมมีอคติ โดยเป็นคำตอบที่ไม่ได้ถึงตัวผมโดยตรงแต่เป็นการบอกกับคนอื่น เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งว่าอคติมักทำให้ตาบอดข้างหนึ่งทำให้มองไม่เห็นว่าคนของตนนั้นเอาเปรียบและฉ้อฉลอย่างไร..
แต่จากการแสดงความเห็นนี้ ก็สามารถสั่นคลอนศรัทธาของผมที่เชื่อในความจริงความถูกต้อง..

หากคนเราทำอะไรที่ถูกต้อง มีการแสดงออก แสดงความคิดเห็น สอบถามข้อเท็จจริง แล้วเกิดการตอบสนองโดยการมองว่าเป็นคนอคติ แล้วจะมีคนที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องได้อย่างไร? โลกนี้จะคงอยู่ได้อย่างไร? ตัวตนของผมจะคงอยู่ได้อย่างไร?

ในปลายสัปดาห์จึงมีอาการเหมือนกับไม่รู้จะยืนที่ไหน นั่งที่ไหน อยู่ที่ไหน พูดอะไรดี? ที่จะรู้สึกว่ายังมีตัวตนอยู่ในโลก... นอกจากบ้าน กับแฟน, พ่อแม่พี่น้อง... ผู้ที่พอจะเข้าใจตัวตนของผมบ้าง
ไม่ได้เครียด ไม่ได้โกรธ ไม่ได้หงุดหงิด เพียงต้องการจะคงตัวตนของตัวเองไว้...

ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าคงไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับส่วนตรงที่มีปัญหาส่วนนี้อีก ปล่อยให้อยู่ในส่วนที่พวกเขาต้องการอยู่กันต่อไป ไม่ว่าส่วนไหนที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง หากเคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง คงไม่พูดซ้ำอีกแล้ว ขอปล่อยให้สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ดีกว่า ไม่ฉุดรั้งจนเกินพอดีอีกต่อไปแล้ว... เพื่อการดำรงอยู่ของตัวตนของผม
เหมือนเห็นแก่ตัว แต่หนึ่งความเห็น หนึ่งการกระทำ หากไม่มีคนเห็น มันยากที่จะเปลี่ยนแปลงโลก

แล้วตัวตนของผมก็มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มอีกแล้ว... มีความสุขกับตัวเองมากขึ้น ปล่อยวางในส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ของคนอื่นลง....

ศรัทธาสั่นคลอน ตัวตนก็สั่นไหว.. หากศรัทธาเสื่อมสลาย ตัวตนจะดำรงอยู่ได้อย่างไร?..
หลังจากข้ามขาแห่งอุปสรรคในจิตใจอีกลูกหนึง
ตอนนี้ศรัทธาและตัวตนของผมก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว..