วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สวัสดีบึงแก่นนคร


อันเนื่องมาจากการไปทำงานต่างจังหวัด คราวนี้มาขอนแก่น อยากลองเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต สำหรับการมาทำงานต่างจังหวัดดูบ้าง
พอไปถึงเลยออกไปวิ่งรอบบึงแก่นนคร จุดประสงค์หลักคือต้องการเอาชนะใจตัวเอง ที่มันไม่ได้วิ่งมาเป็นปีแล้ว ดูซิว่าจิตใจยังแข็งแกร่งพอที่จะส่งแรงไปให้กับร่างกายได้ไหม?
เดินจากที่พัก ไปจนถึงบึงแก่นนคร แล้วจึงวิ่ง ๆ เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ ครบรอบบึงแล้วเดินกลับที่พัก ด้วยระยะทางรอบบึงประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ทำให้มองเห็นอะไรได้หลายอย่าง ทั้งที่มาขอนแก่นเป็นสิบครั้ง มาที่บึงแก่นนครตามหลายครั้ง แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย
ระหว่างที่วิ่งมองไปรอบตัวก็พบเห็นกับหลายสิ่งหลายอย่าง คนมาวิ่งออกกำลังกาย มาเดี่ยว มาคู่ บางคนจูงหมามาเดินเล่น บ้างขี่จักรยาน บ้างมานั่งพักผ่อน บ้างก็มีของกินมานั่งกินกันด้วย
หลายคนก็เดินไปเรื่อย ๆ มีทุกวัย ทั้งเดิน วัยรุ่น หนุ่มสาว และสูงอายุ คนเหล่านี้ เมื่อหมดหน้าที่ในชีวิตประจำวันก็คงมาที่บึงแก่นนครนี่แหละ
เพื่อผ่อนคลาย เพื่อออกกำลัง เพื่อมาเดินชมนกชมไม้ เพื่อมาเดินชมสาว ๆ แต่สิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือ ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ ไม่กดดัน ไม่เครียด

เป็นการออกวิ่งในสถานที่แปลกใหม่ ที่มีความสุขมาก เพราะเพียงเห็นคนมีความสุข หรือเมื่ออยู่ในกลุ่มคนที่มีความสุข ตัวเราเองก็มีความสุขไปด้วยแล้ว
เมื่อกลับมาสำรวจตัวเอง ก็พบว่าจิตใจยังแข็งแกร่ง พอที่จะส่งแรงไปให้ร่างกายทำจนครบตามความตั้งใจได้ แม้ว่าผลลัพธ์จะทำให้แข้งขาตึงไปหมด
แต่ทั้งร่างกายและจิตใจก็แข็งแรงขึ้นตามไปด้วย ไม่มีการเจริญเติบโตใด ที่ไม่แลกมาด้วยความเจ็บปวดหรอก

โลกเรานี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลองทำ หรือพบเห็น หากไม่เริ่มและเมื่อไหร่จะเจอะเจอ
สวัสดีบึงแก่นนคร

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สวนสัตว์มนุษย์


สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปทำงานที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งถ้านับจากครั้งสุดท้ายที่ได้ไปก็เจริญขึ้นมาอีกหน่อยนึง และยังเป็นจังหวัดที่น่าอยู่เหมือนเดิม

สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอคือผู้คนใหม่ ๆ ที่หลากหลายทั้งเรื่องพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม และความรู้ความเข้าใจในส่วนต่าง ๆ เหมือนที่ผมเคยบอกว่าผมอาจเก่งในเรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่มีทางเก่งกว่าชาวนาในเรื่องการทำนา ไม่มีทางเก่งกว่าชาวประมงถ้าต้องไปจับปลา

เรื่องพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งที่บอกได้ว่า มนุษย์เราเท่าเทียมกันทุกคน เพราะไม่มีคนไหนที่จะรู้ไปทั้งหมด เก่งไปทุกเรื่อง ทำได้ไปทุกอย่าง มนุษย์จึงต้องการการอยู่เร่วมกันเพื่อให้ได้ทุกอย่างตามความต้องการของตน เพื่อความอยู่รอด แต่ก็แปลกนะที่บางกลุ่ม บางประเทศ จ้องแต่จะทะเลาะกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
คนที่ต้องการแต่ประโยชน์ส่วนตัวนี่ เป็นพวกที่น่าสงสารนะ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะสัญชาตญาณพื้นฐานได้ ทำให้ไม่ต่างกับสัตว์โลกทั่ว ๆ ไปที่ไม่คิดถึงเรื่องใด ๆ นอกจากตามใจสัญชาตญาณของตัวเอง

ส่วนหนึ่งก็มาจากคำถาม ที่มาจากผู้คนใหม่ ๆ ที่ได้เจอกันครั้งนี้ คำถามที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะเจอถามเมื่อไปยังที่ใหม่ ๆ ก็คือมาถึงยัง? ซึ่งหมายถึงว่า ได้นอนกัผู้หญิงที่นี่หรือยัง?
ผมคิดว่าหลาย ๆ คนคงเคยโดนคำถามประเภทนี้มาบ้าง ซึ่งไม่แปลกที่เขาจะถามเพราะ ความเข้าใจ ความเชื่อของพวกเขายังคงเป็นเช่นนั้น
และเนื่องจากพวกเขาไม่รู้จักผมมาก่อนจึงถาม ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วตอบปฎิเสธ ผมเรียนรู้มาแล้วว่ามนุษย์ ยอมรับไม่ได้กับคนอื่น ๆ ที่ดำรงชีวิตไม่เหมือนตน และจะเริ่มต่อต้าน
หากบอกไปว่าคนที่เดินทางตลอดเวลา ไปไหนมาไหนมาทั่ว ไม่เคยเที่ยวผู้หญิง คนเขาก็ไม่เชื่อ สู้เงียบไว้ดีกว่า
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่สนับสนุนพวกที่เที่ยวผู้หญิงเพราะผมคิดว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิงอย่างหนึ่ง แต่ผมไม่ได้ต่อต้านผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้ เพราะพวกเธออาจมีทางเลือกที่น้อยกว่าคนอื่น
แต่ผู้ชายที่ไปซื้อบริการนี่ คงเรียกได้ว่าไม่ให้ความสำคัญกับเพศหญิง และเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ อันค่านิยมที่ยังคงมีมากอยู่ในบ้านเรามั้ง สืบเนื่องมาจากกการที่จำเป็นต้องมีลูกมาก ๆ เพื่อสืบสกุล และเผื่อไว้ถ้ามีการตาย ตั้งแต่ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีการแพทย์ที่เจริญอย่างทุกวันนี้ ผู้ชายไทยเลยคิดว่าการมีผู้หญิงมาก ๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าจะแก้ค่านิยมนี้ คงต้องเริ่มจากตัวอย่างของคนในวัยเราละนะ
อีกส่วนหนึ่งคือการที่ไปนั่งมองดู ผู้หญิงเต้นรูดเสา หรือ โคโยตี้  ก็เป็นอีกอย่าง เมื่อก่อนผมก็ชอบไปนะ แต่หลายปีหลังมานี่ กลับรู้สึกว่า การไปนั่งดูเรื่องพวกนี้ เหมือนกับการเข้าไปสู่ สวนสัตว์มนุษย์นะ
และผมไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เกิด สวนสัตว์มนุษย์ เลยเกิดความรู้สึกไม่อยากดูขึ้นมาละ
เวลาที่ผมจะอธิบายเรื่องที่ผมไม่เที่ยวผู้หญิง คนก็มักจะรู้สึกหมั่นไส้ หรือไม่เชื่อ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ นะ เลยไม่ค่อยอธิบายให้ใครฟัง
คนเราจะมีสัมพันธ์กันมันควรเกิดมาจากความรักความชอบไม่ใช่หรือ คนเราไม่ใช่สัตว์ที่จะมีสัมพันธ์กับใครก็ได้ ตามความต้องการ ตามสัญชาตญาณในการสืบพันธ์ของตัวเอง
สัตว์มนุษย์ แตกต่างกับสัตว์อื่นตรงที่มีความคิด มีจิตใจ ไม่ได้ทำตามสัญชาตญาณอย่างเดียว

และผมก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้ว่าในหลาย ๆ ครั้งผมจะรู้สึกแปลกแยก ผิดที่ผิดเวลา แต่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรักษาตัวตนของตัวเองให้อยู่ได้ในหลายๆ สภาวะ

หากคนเรายังมีค่านิยมแบบนี้อยู่ คนเรามีความรู้สึกพึงพอใจ กับการเห็นคนอื่น ๆ มาแสดงสัญชาตญาณพื้นฐานให้ อีกหน่อย คงได้เห็น สวนสัตว์มนุษย์ จริง ๆ ขึ้นมา
มีการเก็บค่าเข้า มีป้ายแสดง มุมนั้น กระเหรี่ยงคอยาว มุมโน่นโคโยตี้ เลี้ยวขวาข้างหน้าเป็นการเต้นรูดเสา แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายเป็นโชว์ชายชาย

รู้สึกว่าตัวเองเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคมนี้ยังไงไม่รู้แฮะ
แต่เป็นชนกลุ่มน้อยที่รักสันโดษด้วยความพึงใจของตัวเองนะ

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โทสะบังตา อคติบังใจ


ปล่อยมาซะนานหลังเรื่องล่าสุด เรื่องที่คิดและอยากบันทึกยังมี แต่ยังไม่อยากเอาออกมา เวลาที่ผ่านมา ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลความคิดและจิตใจของตัวเองเป็นหลัก จนคิดว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีบทพิสูจน์ ครึ่งเดือนก่อน ก็ได้พิสูจน์กันว่า ยังคงปล่อยให้ความไม่พอใจ เข้าครอบงำได้ง่าย สำหรับเรื่องบางเรื่อง
ความไม่พอใจ ที่เกิดจากผู้อื่น กลับทำให้ขาดความระมัดระวังในการขับรถ ถอยรถเข้าบ้านตัวเอง ชนเสาบ้านซะอย่างงั้น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คิดได้จากเหตุการณ์นี้ก็คือ หากปล่อยให้ความโกรธ ความไม่พอใจ เข้ามาครอบงำ ก็คงเป็นกับคนหูหนวก ตาบอดที่ไม่สามารถเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องได้

การที่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความเศร้า จากการที่แมวตาย ถึงจะรู้สึกว่าช่วยมันไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังคงปล่อยให้จมอยู่กับความเศร้านั้นตั้งนาน

เรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงนี้ก็อย่างเรื่องของการทำงานร่วมกับผู้อื่น บางครั้ง คนที่เคยทำงานมานานแต่ไม่ใช่งานที่มีการคิด ประมวลผล แก้ปัญหา และวางแผน เมื่อมาทำงานของตัวเองแล้ว คงต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งมันสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า ประสบการณ์และความรู้ย่อมต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ประสบผลได้ดียิ่งขึ้น

หลากเรื่องหลายราว คงนำมาแปลงเป็นข้อความเพื่อลดภาระการจดจำของสมองตัวเองลงกันบ้าง คงไม่เฉพาะเจาะจงกันบ้างว่าจะเขียนในช่วงไหน เอาเป็นว่าทุกวันอาทิตย์หลังเที่ยงก็แล้วกัน
เป็นการสัญญากับตัวเอง สัญญาเพื่อที่จะรักษาสัญญา

อ่านเรื่องขององค์ทะไลลามะ ใน National Geographic Thailand เล่มล่าสุด แล้วก็เห็นว่ามีความคิดไปในแนวทางเดียวกัน "การศึกษาเป็นเรื่องสากล ศาสนาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันเป็นสากล"
อย่าไปยึดมั่น ถือมั่นกับอะไรกันมากนักนะ

ปล่อยให้โทสะบังตา ก็เหมือนคนที่ปิดตาไปข้างหนึ่ง
หากปล่อยให้อคติบังใจด้วย ตาอีกข้างก็คงถูกปิดไปด้วย

ขอให้ทุกคนละโทสะ วางอคติ ได้มาก ๆ นะ เพื่อจะได้มองโลกนี้ได้กว้าง ๆ เต็มตาตัวเอง อย่างที่โลกใบนี้เป็น จะได้พบกับแง่มุมใหม่ ๆ จริง ๆ