วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

พิมพิลาไล ยังกลายเป็นวันทอง..

อากาศร้อน ๆ เมื่อคืนฝนก็ตกลงมาพอให้ความร้อนจากพื้นดินระอุขึ้นมาอีกหน่อย..
ช่วงหลัง ๆ นี่มีอาการเบื่อ ๆ ผู้คน จนอยากรู้จักคนอื่น ๆ ใหม่ ๆ บ้าง เข้ามาเป็นประสบการณ์ชีวิตใหม่ ๆ เป็นแรงจูงใจให้ทำงานต่อ.
ถึงจะพยายามปรับปรุงตัวให้ปล่อยวางได้มากแล้วก็เถอะ หากเรายังไม่ได้บรรลุธรรม ใครก็ยังคงต้องวนเวียนอยู่ในรัก โลภ โกรธ หลง นี่แหละ.
แต่ยังไงก็ไม่ได้พยายามจะบรรลุธรรมหรอกนะ แค่พยายามอยู่อย่างทุกข์น้อยที่สุด เบียดเบียนน้อยที่สุด ก็เท่านั้นเอง
คนเราขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเองทั้งนั้น ทำดีก็สุข ทำไม่ดีก็ทุกข์ อยากทุกข์น้อย ๆ ก็ทำดีให้มาก ๆ การทำดีก็คงต้องครบทั้ง คิดดี พูดดี ทำดี ส่วนตัวก็คิดดี ทำดี อยู่แล้วนะ ติดแต่ตรงเรื่องการพูดนี่แหละ อาจจะพูดดีบ้างเลวบ้าง ก็คงต้องขออภัยทุกท่านที่คำพูดของผมบางคำกระทบกระเทือน
หรือทำให้เสียใจ หรือเสียความรู้สึกนะ นับจากวันนี้คงจะไม่ได้ยินอีกแล้วละ จะดำเนินตัวอย่างน้ำนิ่งในบ่อหินน้อย นิ่งใสไร้ตะกอน ไม่ว่าจะเป็นตะกอนคำพูด หรือตะกอนการกระทำ
การพูดคุยกับผู้อื่นไม่ว่าใครก็ตามย่อมเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. ประโยชน์มีตลอดขึ้นอยู่กับจะพูดแล้วคิด คิดแล้วทำ หรือพูดแล้วไม่คิด หรือคิดแล้วไม่ทำ เท่านั้น
ช่วงนี้มีข่าวเรื่องการพูด การกระทำของคนหนึ่งที่บอกว่าสามารถเห็นกรรมของคนอื่นในอดีตได้ โดยจับความว่าเมื่อมีกรรม ย่อมมีผลแห่งกรรมนั้น และบอกว่าสามารถบอกวิธีแก้กรรมนั้น ๆ ได้
เห็นข่าว เห็นหนังสือของคนนี้มานานแล้ว เคยเห็น รู้ แต่ไม่เคยเชื่อ ใครจะสามารถแก้กรรมของตัวเองได้กัน ใครจะสามารถมองเห็นกรรมของคนอื่นกัน ไม่เข้าใจว่าคนเราเชื่อไปได้อย่างไร
ทำให้คน ๆ นี้มีลูกศิาย์ที่เชื่อถือเยอะแยะ ไม่ได้โต้แย้งอะไร แต่อยากจะบอกว่า สิ่งที่พุทธศาสนาสอนก็คือ หนทางดับทุกข์ โดยผู้ที่จะสืบทอดคำสอน จะต้องเป็นผู้ชี้แนะแนวทางนั้น และพยายามชี้ทางที่ถูกที่ควร ดังนั้นทำไมผู้ที่ต้องสืบทอดคำสอนไม่แนะนำคน ๆ นี้ ถึงแนวทางที่ถูกต้อง ทั้งที่เป็นคนที่อยู่ในการดูแลนะ ไม่เข้าใจเลย
ปล่อยเรื่องรอบตัว และเรื่องในสังคมทิ้งไปอีกที ช่วงนี้อ่านเสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้จากการอ่านก็คือ ความเก่ง ความสามารถของผู้แต่ง ความสวยงามของภาษา ที่ทำเป็นบทเสภานี้
พร้อมทั้งตอบคำถามที่คาใจตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นคำถามคาใจสำหรับอีกหลาย ๆ คนด้วย อย่างขุนช้าง ขุนแผน และวันทอง เกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมพิมพิลาไล ถึงเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง
อะไรประมาณนี้ แล้วยังทำให้จินตนาการมองเห็นสังคมความเป็นอยู่ผู้คนของเราในสมัยก่อน หนังสือเรื่องนี้มีสองเล่มจบ เมื่อสงกรานต์ ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม รออ่าน ทั้งขุนช้าง ขุนแผน พระอภัยมณี ขุนศึก อิเหนา แค่ชุดนี้ก็คงอ่านกันไปยาว ๆ แล้ว หนังสือบางเล่มก็ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือใหญ่ ๆ ก็นับว่าโชคดีที่ได้คุยกับผู้ช่วยบรรณาธิการที่ทำหนังสือ ที่ช่วยให้ความกระจ่างก่อนจะตัดสินใจซื้อหนังสือชุดนี้นะครับ
พอซื้อแล้วก็ตามมาด้วยคำพูดกระทบกระเทียบว่าอ่านแต่หนังสือที่ตัวเอกเจ้าชู้ทั้งนั้น อยากจะบอกว่า มันเป็นค่านิยมของคนสมัยก่อนนะ ที่ต้องมีเมียมีลูกเยอะ ๆ เพราะการแพทย์ยังไม่เจริญ ผู้คนอายุสั้น เด็ก ๆ โตเป็นผู้ใหญ่ได้น้อย
เลยต้องมีเผื่อ ๆ ไว้ เพื่อการสืบพงศ์พันธ์นะ แต่สมัยนี้ค่านิยมนี้ควรต้องลบออกไปได้แล้ว ประชากรโลกเกือบ 7,000 ล้านคน แทบจะขี่คอกันอยู่อยู่แล้ว คิดใหม่กันได้แล้วนะพวกเจ้าชู้ทั้งหลาย..

ความสุข ความทุกข์ของขึ้นอยู่กับกรรม หรือการกระทำของเรานั่นเอง.. ทำอะไรก็ต้องยอมรับผลตอบแทนจากการกระทำนั้น ๆ
ไม่มีใครแก้กรรมได้ แต่เลือกที่จะก่อกรรมได้ว่าจะเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว
ผลกรรมที่ย้อนกลับมาอาจจะช้าบ้าง เร็วบ้างแต่ย่อมได้รับกันทุกคน
ขุนแผนเก่งกาจ ยังต้องติดคุก นางพิมพิลาไล ก็ต้องรับกรรมจากคำพูดของตัวเอง

ส่วนตัวก็แค่คิดได้ขึ้นอีกนิดนึง หนอนน้อยก็ลอกคราบเป็นหนอนตัวใหม่ ที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นผีเสื้อต่อไป..
เป็นหนอนที่เบียดเบียนโลกนี้และผู้อื่นให้น้อยที่สุด
และพยายามเป็นประโยชน์ต่อโลกนี้และผู้อื่นให้มากที่สุด..

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ดอกวาสนา หน้าร้อน..

ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้า เช้าก็หนักขึ้นอีกหน่อยนึง หน้าร้อนแท้ ๆ
คงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้แล้วละมั้ง สำหรับสภาพอากาศในโลกนี้.. โลกคงเริ่มเอาคืนแล้วละ.
เดือนนี้ก็ผ่านวันสงกรานต์มาตามปกติ ไม่ได้ออกไปไหน แค่ไปทำบุญที่วัด แล้วก็ทำความสะอาดบ้าน สรงน้ำพระที่บ้าน สรงน้ำพ่อแม่ แถมด้วยทำอะไรมานั่งกินกันนิดหน่อย ระหว่างบ้านพี่น้องแล้วก้เพื่อนบ้าน
พร้อมด้วยข่าวเสื่อม ๆ ทั้งหลาย เด็กสาว ๆ เต้นยั่ว เปลือยอก กลางถนนหลวง โดยมีคนรอบ ๆ แถวที่เล่นสงกรานต์ตรงนั้นส่งเสียงเชียร์ให้ถอดอยู่เกือบทุกคน
ที่ออกเป็นข่าวอาจจะมีอยู่ข่าวเดียว แต่ในการละเล่นทั่ว ๆ ไป หรือในการใช้ชีวิตของเด้กพวกนี้ เรื่องแบบนี้กลับเป็นเรื่องปกติในชีวิตของพวกเขาไปแล้ว
โดยที่ผู้มีอำนาจควบคุมดูแลไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งเป็นข่าวเป็นคราวออกมา
ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังเดินไปข้างหน้า การกระทำของมนุษย์กลุ่มหนึ่งกลับย้อนกลับไปใกล้จะกลับไปเป็นสัตว์เต็มตัวแล้ว
การเปิดเผย ส่วนที่ควรปกปิดในที่สาธารณะ ก็เหมือนกับการเป็นอยู่ของสัตว์ทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ปกปิดส่วนที่แสดงออกถึงเพศของตัวเอง
มนุษย์พัฒนาการปกปิดส่วนแสดงเพศ เพื่อบังคับการเปิดเผยสัญชาตญาณ การสืบพันธุ์ ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทั่ว ๆ ไป
สัตว์ทั่ว ๆ ไป มีเพศสัมพันธ์กันด้วยสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ล้วน ๆ แต่มนุษย์พัฒนาความคิดมาจนละเอียดอ่อนกว่านั้น มนุษย์มีความรักเข้ามามีส่วนช่วยในการตัดสินใจ ในการมีเพศสัมพันธ์ และหากปล่อยให้สัญชาตญาณนี้อยู่เนื่องสำนึก ก็มักทำให้เกิดปัญหาการข่มขืนขึ้นมา
แล้วสัตว์มีการข่มขืนกันไหม? แล้วมนุษย์ที่ข่มขืนคนอื่น กับสัตว์ทั่ว ๆ ไป ใครมีจิตใจสูงกว่ากัน คงไม่ต้องบอกนะ
การที่เด็กที่เต้นแล้วโชว์หน้าอก อาจจะบอกว่าถึงโชว์ก็ไม่ได้โดนข่มขืน แต่ลืมคิดไปหรือไม่ว่าการกระทำของตัวเอง อาจไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพวกที่ไร้สมอง ไร้สามัญสำนึก จนพวกนั้นต้องไประบายกับผู้อื่น ไม่มีการกระทำใด ๆ ที่ไม่มีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นสิ่งอื่น ๆ หรอกนะครับ.. ทุกสิ่งในโลกนี้ที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกันเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ไม่อยากพูดเรื่องมนุษย์ที่อยากเป็นสัตว์แล้ว คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ก็ทำจิตใจให้ดี ๆ กว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไปก็แล้วกัน

กลับมาเรื่องสภาพอากาศ เอาแค่บ้านเราก็พอ ปกติแล้วบ้านผมวาสนาจะออกดอกทุกปีจนเป็นเรื่องปกตินะ ทุกปีเห็นคนเขาตื่นเต้นกันเวลาวาสนาออกดอกก็รู้สึกเฉย ๆ
ปีนี้วาสนามาออกดอกในเดือนเมษายน พร้อม ๆ กันทั้งภูมิภาค เป็นข่าวออกมาใหญ่โต ก็คงเป็นเพราะต้นวาสนามันสับสนกับสภาพอากาศจนไม่แน่ใจในตัวเอง เลยรีบออกดอกออกผลเพื่อดำรงอยู่ซึ่งเผ่าพันธุ์ของมันไป
แล้วมนุษย์เราย้อนกลับมามอง มาคิด มาเตรียมพร้อม มาแก้ไข กับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว ของเรากันหรือยัง อย่าคิดว่าไกลตัวนะ มันอยู่รอบ ๆ ตัวเราเลยละ

ธรรมชาติก็ดำเนินวิถีของธรรมชาติต่อไป เมื่อสับสนหรือกระทบกระทั่งก็ต้องมีบ้างที่จะเปลี่ยนวิถีของธรรมชาติ
มนุษย์จะขัดขวาง ต่อสู้ หรืออเรียนรู้ที่จะยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ คงต้องเลือก ๆ กันได้แล้วนะ..
หากเลือกที่จะพยายามต่อสู้ เปลี่ยนแปลง ขัดขวาง เอาเปรียบ ผลลัพธ์คงเป็นความวอดวายนั่นแหละ 
แต่หากเลือกที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เอาเปรียบให้น้อยที่สุด และพยายามแก้ไขสิ่งที่ถูทำลายไปแล้ว ความวอดวายที่เกิดขึ้นแน่ ๆ อาจจะขยายเวลาให้มนุษย์ไปอีกหน่อยได้นะ

เฮ้อ.. ไอ้พวกมนุษย์

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

อายหมานะ

ทุก ๆ เช้า ช่วงนี้ที่ฝนไม่ตก ไปนั่งอ่านหนังสือแถวท่าน้ำสี่พระยา.. ลมเย็น อากาศดี วิวสวย..เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือจบกาแฟมาก
มีหนังสือที่ไม่คิดว่าจะเป็นหนังสือมาให้อ่าน น่าสนใจในแนวความคิด ตอนนี้อ่านจบแล้ว แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะ
หลาย ๆ คนมักจะบ่นว่าไม่มีเวลา แต่คนเราทุก ๆ คนก็มีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเหมือนกันนะ.. แล้วทำไมถึงบอกว่าไม่มีเวลาหว่า..
ในช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลา อาจเป็นเพราะเราไม่ได้จัดลำดับความสำคัญในการทำสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ๆ ละมั้ง..
ทำให้เอาเวลาส่วนนั้น ส่วนนี้ มาปะปนกันไปหมด ทำให้รู้สึกว่าเวลาที่จะทำเรื่องต่าง ๆ ให้ครบถ้วน มีไม่เพียงพอ
แล้วเวลาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเราซะด้วย มันเป็นเรื่องของจิตใจและความคิดมากกว่ามากกว่า
นอกเหนือจากเวลาที่เป็นงานประจำ ก็เป็นเวลาของเรื่องอื่น ๆ ทันที ทิ้งงานประจำไว้เลย นาน ๆ ที ถึงต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน
แต่ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมากนะ.. ตารางเวลาสำหรับช่วงเวลานี้ก็คงแบ่งออกประมาณ
8 ชั่วโมงสำหรับงาน 2 ชั่วโมงเดินทาง เหลือเวลาตั้ง 14 ชั่วโมงต่อวันที่จะทำเรื่องอื่น ๆ สำหรับตัวเองและคนอื่น ๆ มีเวลาทำดีด้วย..
แล้วทำไมหลาย ๆ คนบอกว่าไม่มีเวลา.. คนเราที่ทำงานต่อเนื่องกันเกินว่า 8 ชั่วโมงนี่ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงเหรอ?
อาจต้องไปหาบทวิจัยของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ มาอ่านกันนะ.. ส่วนใหญ่มักจะชี้ว่า ประสิทธิภาพมักจะลดลง เพราะความอ่อนล้าสะสม
ดังนั้น ใครอยากจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้กับงานเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตก็แล้วแต่คุณ ส่วนผมขอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับงาน เฉพาะช่วงเวลาทำงานเท่านั้นก็พอแล้ว
อาจเป็นเพราะจัดเรียงความสำคัญในชีวิตใหม่ ๆ แล้วเวลาก็เลยมีมากพอที่จะทำอะไร ๆ ได้หลายอย่างละมั้ง..
ช่วงเช้า ๆ เวลาที่ไปนั่งอ่านหนังสือที่ท่าน้ำ มักจะมีผู้คน มีเรื่องราวต่าง ๆ วิ่งผ่านสายตา และการรับรู้เข้ามามากมาย นักร้องอิสระ ที่มาร้องเพลง พ่วงด้วยการขายแผ่นซีดี ผลงานของตัวเอง.. ซึ่งมักได้เงินจากผมไปซะบ่อย ๆ นักเรียน นักศึกษาที่มานั่งรอเพื่อน ๆ ก่อนไปเข้าเรียน คู่รักที่มานั่งรอกันและกัน คู่รักที่กำลังจะเปลี่ยนที่มานั่งตกลงเรื่องราว เพื่อแยกทาง แล้วก็เรื่องอื่น ๆ คนข้ามเรือ ไปทำงาน แม่ค้าขายข้าวโพด ร้านขายยา ร้านกาแฟหรู ชาวต่างชาติที่กำลังเดินชมบ้านเมือง คนพาหมามาเดินเล่น หมาจรจัดมาเดินเล่น นอนอาบแดด บ้างก็ขออาหาร แล้วยังมีนกอีกมากมาย เรื่องราวหลากหลายวิ่งผ่านประสาทการรับรู้ของผมทุก ๆ เช้า ไม่มีเรื่องไหนชัดเจน เพราะไม่ได้ตั้งใจจะรับรู้ เป็นเหมือนเงาราง ๆ ที่ติดอยู่ในความทรงจำ
แต่สิ่งหนึงที่เห็นได้ชัดก็อย่างสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยสถานที่แห่งนี้ เพื่อวิ่งเล่น พักผ่อน ก็ทำตัวได้เหมาะสมกับผู้อาศัย ไม่ทำลาย สถานที่แห่งนี้ ต่างจากมนุษย์นะ เมื่ออาศัยอยู่ที่ไหน มักนำพาความเสื่อมเข้าไปด้วยเสมอ ขีดเขียนทำลาย ทิ้งของ ทำสกปรก ก่อเรื่องราวสุ่มเสี่ยงที่ผู้อื่นจะเกิดอันตราย.. อย่างการทิ้งไม้เสียบลูกชิ้นกับพื้น.. ความมักง่ายของมนุษย์มักก่อปัญหาเสมอ

เจ้าหมาน้อยตัวนี้คงดูถูกมนุษย์น่าดู ที่ทำลายสถานที่ที่ตัวเองอาศัย... ขีดเขียนเพื่อบอกรัก.. ทำเรื่องแย่ ๆ แล้วจะมีคนชื่นชมหรือ..
แล้วสัตว์ต่าง ๆ ก็คงดูถูกมนุษย์เราเช่นกัน ที่คอยแต่จะทำลายโลกใบนี้ไปเรื่อย ๆ จนโลกเราตอบโต้มาบ้าง..

เวลามีเท่า ๆ กันนั่นแหละครับ ใช้มันเพื่อทำความดีให้กับมนุษย์ สัตว์ร่วมโลก แล้วก็โลกเรากันบ้างนะ
อย่าทำตัวให้ต้องอายหมาไปมากกว่านี้เลยนะ..