วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ฝนตก


ฝนตกเรื่อย ๆ ติดต่อกันทำให้คนเราเกิดอาการประมาณเหงา เศร้า ซึม ขึ้นมาได้ ดังนั้นการมีแสงแดดจึงมีความสำคัญ เพราะแสงแดดจะทำให้มนุษย์มีความตื่นตัว กระปรี้ประเปร่า มากขึ้น
ถึงผมจะชอบฝนตก แต่ก็ชอบเวลามีแดดด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าสิ่งไหนในโลกย่อมมี 2 ด้านเสมอ คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับทั้ง 2 ด้าน และเลือกเอาด้านที่ดีกว่ามาใช้ในชีวิตนะ

สิ่งหนึงที่ฝนตกทำให้ผมสบายขึ้นคือไม่ต้องรดน้ำมากนัก ต้นไม้ ดอกไม้ที่บานก็ชุ่มช่ำ ที่ไม่ต้องรดน้ำมากนัก เพราะบางส่วนยังต้องรดน้ำอยู่เพราะวางไว้ในร่ม เพื่อจำกัดปริมาณน้ำ
ส่วนที่ชอบแดดก็เพราะถ้าไม่มีแดด ใบไม้ ก็ไม่สามารถสังเคราะห์แสง เพื่อสร้างอาหารให้ตัวเองได้ กระเจี๊ยบแดงที่บ้านก็ติดดอก ใกล้จะได้กินน้ำกระเจี๊ยบละ ผักคะน้าก็โตขึ้น ผักโขม ก็ได้กินกันวันนี้ละ
กล้วยไม้ก็ออกดอก มะกรูดก็ออกผล อากาศก็ชุ่มชื่น เย็นสบาย กลางคืน กบ เขียด คางคก ก็ส่งเสียงร้องระงม ผมชอบฝนตกจริง ๆ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง จะมีชีวิตชีวามากขึ้น

เรื่องคราวนี้สั้น ๆ นิ่ง ๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว
ไม่มีสิ่งใดในโลกจะอยู่ได้ตลอดไป แล้วคนเราจะแสวงหา จนมากเกินไป ให้เครียดไปทำไมนะ

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

พระบรมธาตุเจดีย์


สิบกว่าปีก่อน ช่วงปี 2540 ได้เดินทางลงไปทำงานทางใต้บ่อย ๆ ซึ่งรวมไปทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย
แน่นอนว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน สิ่งต่าง ๆ ย่อมแตกต่างไปจากปัจจุบัน ร้านชา กาแฟ โรตี มีมากขึ้น แต่ที่มากกว่าคือร้านเหล้าตามซอยเล็กซอยน้อย
อันเป็นผลมาจากช่วงตื่นจตุคามเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เศรษฐกิจเมืองคอนคึกคักมาก มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางมาที่นี่บ่อย ๆ รวมทั้งผมด้วย
เพียงแต่เหตุของการมาต่างกัน หลาย ๆ คนมาเพื่อตักตวงประโยชน์จากความเชื่อในจตุคาม และความศรัทธาในพระบรมธาตุเจดีย์

ผมมาเพราะการทำงานและเรื่องเที่ยวล้วน ๆ ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับจตุคามแต่อย่างใด ในสายตาคนนอกแบบผม การบรรทุกจตุคามมาบนรถสิบล้อเพื่อทำการปลุกเสก เป็นเรื่องที่เกินคาดคิด และน่าจะทำให้เกิดปัญหากับถนนโดยรอบและองค์พระบรมธาตุเจดีย์เอง และก็เป็นความจริงตามข่าวเมื่อไม่กี่ปีก่อน

พระบรมธาตุเจดีย์ในช่วงที่จตุคามได้รับความนิยมนั้น เป็นช่วงที่ผมทำเพียงนั่งจิบกาแฟหน้าวัด แต่ไม่เคยเข้าไปชมเลย
และในที่สุดก็เป็นไปตามหลักความจริงที่สุดของโลก เมื่อมีขึ้นก็มีลง เมื่อมีศรัทธาก็มีเสื่อมศรัทธา จตุคามก็เสื่อมความนิยมลง


ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสไปทำงานที่นครศรีธรรมราชอีกครั้ง ยังคงเป็นเมืองที่มองหาชาวต่างชาติเดินชมเมืองได้น้อยมาก ทั้งที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย อาจเป็นเพราะความงดงามตามหาดทราย ทะเล และเกาะแก่งต่าง ๆ มาบดบังซะหมด
พระบรมธาตุเจดีย์ ในวันที่จตุคามเสื่อมความนิยม กลับดูงดงามยิ่งใหญ่
เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ความศรัทธา มองดูน่าเลื่อมใส อาจเป็นเพราะปลอดจากคนที่เข้ามาเป็นเหลือบริ้นเกาะกินกระแสศรัทธา ทำให้ผู้ที่มาต่างก็มองเห็นความเป็นพระบรมธาตุเจดีย์จริง ๆ โดยไม่มีความเป็นจตุคามมาเบียดบัง

วันที่เข้าไปชมพระบรมธาตุเจดีย์ล่าสุดเป็นวันที่กำลังได้ขึ้นบัญชีขั้นต้นสำหรับการเป็นมรดกโลก
พระบรมธาตุเจดีย์มีความเหมาะสมกับการเป็นมรดกโลกที่คนทั่วโลกชื่นชม ทั้งด้านความงดงามและประวัติศาสตร์
หากมีโอกาสก็แนะนำให้ไปชมนะครับ ช่วงหลังนี้พระบรมธาตุเจดีย์งดงามมากจริง ๆ

เมื่อปลอดจากเหลือบริ้นที่เกาะกินกระแสศรัทธา ความงดงามที่แท้จริงก็กระจ่างออกมา
คนเราหากปล่อยให้อคติบังตา ย่อมมองความเป็นจริงไม่เห็นนั่นแหละ

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ว่าด้วยหนังสือ


วันนี้ได้ไปเดินร้านหนังสือ หาซื้อหนังสือสำหรับเรื่องเฉพาะทางเรื่องหนึ่ง ทำไมต้องไปเดินดูร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้า? ทำไมร้านหนังสือไม่มาทำหน้าร้านของตัวเองไปเลย?

เป็นแค่คำถามลอย ๆ นะ เพราะคำตอบน่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า มีหลายสิ่งหลายอย่างทำให้มีคนหลากหลายเข้ามา จึงมีโอกาสมากกว่าออกไปตั้งร้านเฉพาะร้านหนังสือ แต่ถ้ามีสถานที่เฉพาะร้านหนังสือไปเลย หลาย ๆ ร้าน ก็น่าจะเป็นแหล่งที่จะดึงดูดคนไปได้นะ ทำยังไงให้คนที่คิดจะซื้อหนังสือ ต้องนึกถึงสถานทีอย่างที่ว่านี้เป็นแห่งแรก ถ้าทำได้ชีวิตคงมีความสุข

ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าในร้านหนังสือ 3 ร้าน เพื่อจะพบว่าหนังสือคอมพิวเตอร์ประเภทที่เขียนบนปกว่าขายดีที่สุด เป็นหนังสือที่เหมือนเอาเด็กมาเขียนเพื่อให้เด็กอ่าน หนังสือคอมพิวเตอร์เยอะจริง ๆ แต่ที่ดีหรือเหมาะสม ผมว่าน้อยถึงน้อยมากนะ สรุปว่าไม่ได้หนังสือเรื่องที่ต้องการ เดินมาอีกหน่อยหนังสือการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นนั้นรุ่นนี้อย่างถึงแก่น ชีวิตการใช้โทรศัพท์มันต้องยากขนาดอ่านหนังสือเลยเหรอ?

ยังไงก็ไม่ได้หนังสือที่ต้องการละ เดินหาหนังสือที่อยากอ่านดีกว่า "คนไทยทิ้งแผ่นดิน" ไม่น่าเชื่อว่าทั้ง 3 ร้านไม่มีหนังสือเล่มนี้อีก สงสัยคงต้องไปหามือสองซะละมั้ง

เอาน่ะงั้นเดินหาวรรณกรรมไทยมาอ่านบ้าง เดินไปที่ชั้นหนังสือมองไปมองมาก็ไม่มีน่าสนใจ ลองเปิดอ่าน ๆ ก็ไม่เห็นจะมีอะไร นักเขียนใหม่ก็เยอะขึ้น นักเขียนเก่าก็เขียนน้อยลง แต่เห็นหนังสือของคุณนิ้วกลมอยู่หลายเล่มหลายเรื่องหลายปก ก็น่าสนใจนะแต่ยังไม่เคยอ่านของนักเขียนคนนี้เลย เอาไว้ก่อนละกัน หนังสือส่วนใหญ่เป็นนิยายหน้าปกรูปการ์ตูนสวย ๆ เยอะมาก จนลายตา แต่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลยข้ามไปก่อน

หนังสือแนะนำที่จัดวางไว้ก็ไม่น่าจะน่าสนใจหรือขายดีขนาดนั้น เลยไม่แน่ใจว่าที่แนะนำหนังสือที่ชั้นน่ะ จัดวางตามที่สายส่งให้ราคาดีรึเปล่า เดินไปเดินมาเมื่อยก็เมื่อยหิวก็หิว ก่อนออกจากร้านเลยซื้อเชอร์ล็อกโฮล์มส์ทั้งชุดแทน ยังไงก็เล็งไว้ว่าจะอ่านตั้งนานแล้ว เลยซื้อกลับมาเลยละกัน

สรุปว่าเวลา 2 ชั่วโมงกว่าที่ใช้ไปวันนี้ทำให้รู้จักโลกเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
หนังสือที่เยอะมากเป็นหนังสือเรื่องของความสุขและศาสนา ซึ่งหมายความว่าคนเราปัจจุบันไม่มีความสุขกันเยอะ ทำให้หนังสือแบบนี้มีมากตามไปด้วย
แต่ไม่รู้ว่าที่ซื้อ ๆ กันไปน่ะ เอาไปอ่านรึเปล่า หรือ อ่านแล้วคิดรึเปล่า คิดแล้วก็ทำรึเปล่า หนังสือลักษณะนี้ถึงมากขั้นเรื่อย ๆ ที่ชั้นหนังสือ

ความสุขมันก็ไม่น่าจะหายากขนาดนั้นนะ คนเรานี่มองกันไกลตัวไปรึเปล่านะ 
ความสุขมันก็อยู่รอบ ๆ ตัวเราเองนี่แหละ
ว่าแล้วก็เตรียมตัวเข้าไปสู่โลกของโคนัน ดอยล์ดีกว่า

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ต้นไม้ไม่เคยตายจริง ๆ หรอก


หายไปอีกพักใหญ่ ๆ ไม่ใช่ไม่มีเรื่องให้คิดให้เล่า แต่ไม่รู้เล่าออกมาในรูปแบบไหน ก็ถือโอกาสนี้เริ่มใหม่เลยละกัน

เดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมาปลูกต้นไม้ไปหลายอย่าง ถั่วพลู ถั่วปี บวบเหลี่ยม ไผ่ มะกรูด ก็ปลูกตามรั้วกันไป ส่วนผักโขม ผักคะน้า ผักชี ก็ลองปลูกดู คราวนี้กันศัตรูพืชตัวฉกาจอย่างเจ้าสองมะ ด้วยการเอามาปลูกใส่กระถาง แล้ววางไว้ระเบียงหลังบ้านกันเลย
ถั่วพลู ถั่วปี บวบเหลี่ยม ผักโขม นี่ซื้อเมล็ดมาจากที่ชาวบ้านเขาเอามาขาย ปลูกแล้วก็ขึ้นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับมัน
ส่วนคะน้า กับผักชี นี่ซื้อเมล็ดที่ขายซองมา ใช้ไปบ้างแล้ว ที่เหลือเก็บมาเกือบปี พอเอามาปลูก คะน้ายังขึ้นอยู่ แต่ผักชีนี่ไม่ขึ้นซักต้น
คิดว่าน่าจะมีการเคลือบสารอะไรไว้นะ ไปซื้อมาใหม่ อ่านข้างซอง เป็นเมล็ดที่เก็บผลผลิตจากอเมริกา นี่เราต้องซื้อเมล็ดผักมาปลูกจากอเมริกาเหรอเนี่ย
เป็นความรู้ใหม่ที่ทำให้รู้สึกมึนไปพอสมควร ประเทศเกษตรกรรม ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศอุตสาหกรร
ซึ่งคงเป็นหนึ่งใหนเหตุผลที่ชาวสวนบ้านเราไม่สามารถต่อรองเรื่องราคาตลาดได้ นอกเหนือจากการรวมตัวกันไม่ติดแล้วนี่
ยังสงสัยอยู่ว่าแล้วผักชีใหม่ที่ปลูกแค่ 2 วันก็ขึ้นแล้วนี้จะเป็นเมล็ดพันธุ์ GMO ไหม? แค่นึกก็กังวลแล้ว

ทำไมบ้านเราไม่ทำธนาคารเมล็ดพันธุ์บ้างนะ จะได้เก็บพันธุ์แท้บ้านเราไว้บ้าง ผมอยากปลูกต้นไม้พันธุ์พื้นเมืองเดิม ๆ นะ แต่กิ่งหรือเมล็ดหายากจัง คิดว่าคงมีการสูญพันธุ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครจดบันทึกไว้
พูดถึงเรื่องธนาคารเมล็ดพันธุ์ ผมเก็บไว้หลายชนิดใส่ขวดใส่ตู้เย็นไว้ ใครอยากได้ก็บอกนะแจกฟรี ช่วย ๆ กันปลูกต้นไม้ มองดูมันเติบโตกันบ้าง

ผมชอบต้นไม้ ชอบกล้วยไม้ เพราะพวกมันเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผมรู้สึกว่าขนาดต้นไม้ยังไม่เคยยอมแพ้ พยายามจะมีชีวิตอยู่ แล้วคนเราจะท้อแท้อะไรมากมาย จะเอาอะไรกับชีวิต
ต้นไม้ กล้วยไม้หลายอย่างก็อยู่เหมือนจะตายตั้งนาน เพื่อรอเวลาฝนตก แล้วจะงอกงามขึ้นใหม่ บางอย่างทิ้งใบทั้งหมดเพื่อออกดอกสวย ๆ หรือออกผลเพื่อสืบทอด
คิด ๆ ดู พืชนี่มันเคยตายจริง ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมันก็มีเมล็ดพันธุ์ ออกมาเติบโต แทนตัวมันอยู่เสมอ

นี่ก็ลองปลูกใหม่อีก ซื้อเมล่อนญี่ปุ่นมากิน แล้วก็เอาเมล็ดมาปลูก ก็งอกขึ้นมาใหม่ได้อีกนะ แล้วการเกิดใหม่นี่ก็สวยงามจริง ๆ

การปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงกล้วยไม้ด้วยตัวเอง ก็เป็นการฝึกจิตใจ ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทนได้ แล้วยังเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับผมได้อีกด้วย

ปลูกด้วยตัวเอง ใส่ใจ ดูแล และ เฝ้ามอง  อย่าเพียงต้องการครอบครอง และคอยมองดูมันค่อย ๆ ตายไป
การปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงกล้วยไม้น่ะ ไม่ได้ใช้แค่มือและความรู้ แต่ต้องใช้ใจด้วย

ใจเป็นสุข ทุกอย่างก็เย็น

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

รั้ว


ผ่านสงการนต์ปี 2555 มาคล้ายกับทุก ๆ ปี รดน้ำดำหัวพ่อแม่ แล้วก็อยู่บ้าน ในสภาพอากาศที่ร้อนสุด ๆ ปีนี้ร้อนมากจนสมองจะละลายอยู่แล้ว
ขอสวัสดีปีใหม่ไทยเรา กับทุก ๆ ท่านมา ณ ที่นี้เลยนะครับ ขอให้มีความสุข ในตัวของตัวเอง แล้วก็มีความอยากได้อยากมีน้อยลง สุขภาพแข็งแรงจากการออกกำลังกายนะครับ

สงกรานต์ปีนี้มีสิ่งที่แตกต่างไปบ้างตรงที่ว่า ไม่ได้ทำความสะอาดบ้านเยอะ ๆ เพราะจ้างช่างมาทำรั้ว เลยต้องคอยดู ๆ ช่างทำงานจนไม่ได้ทำความสะอาดบ้าน
รั้วเป็นสิ่งที่จะบอกอาณาเขตของบ้าน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ชอบการมีรั้วรอบล้อมมากนัก เพราะเหมือนกับการโดนจำกัดพื้นที่ให้กับตัวเอง ดูแล้วรู้สึกว่าต้องอยู่ในกรอบ
แต่ก็คงต้องทำรั้วที่บ้าน เพราะเจ้าสองมะก็ยังคงพยายามเข้าไปบ้านอื่น ๆ เพื่อหารองเท้าหนัง มาแทะเล่น หรือไม่ก็ไปไล่แมว ไม่ได้ทำเพื่อป้องกันค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ เพื่อมีความเสียหายกับรองเท้าคนอื่น แต่ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ชอบเจ้าสองมะมัน ก็ตัดปัญหาด้วยการทำารั้วข้างบ้านในที่สุด หลังจากอิดออดมา 3 ปี

รั้วออกแบบเอง เพื่อความแข็งแรงและสวยงาม สวยงามตามความเห็นของผมเองนะ ส่วนช่างที่เขามาก็คละแบบ คละความสามารถกันมา เลยต้องคอยดูเวลาทำงาน
จากที่นั่งสังเกตการทำงานและวิธีการคิดของช่างพื้นบ้าน ก็ได้เห็นว่า แนวความคิดในการทำงานของช่างนั้น ค่อนข้างจะไม่ยืดหยุ่น มีการทำงานเป็นแนวเดียว ไม่สามารถดัดแปลงเพื่อความเหมาะสมได้
รวมทั้ง บางคนอาจมองเรื่องความสวยงามว่าไม่จำเป็น ทั้งนี้คิดว่าอาจเป็นเพราะไม่ได้หัดคิด ในการทำงานและรอรับคำสั่งอย่างเดียว เลยค่อนข้างยากในการคิดงานเอง
แล้วเราเองก็มีข้อเสียเดิม ๆ ที่ชอบมองดูคนอื่นว่าเขามีความคิดยังไง จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแบบไหน เลยปล่อย ๆ ไปค่อยมองแล้วหาวิธีแก้ไขปัญหาทีหลัง งานบ้างส่วนเลยอาจต้องมาลงมือทำเองภายหลังบ้าง
ถือซะว่าเอามาฝึกความคิดและฝีมือของผมเองก็แล้วกัน

รั้วอาจจะจำกัดพื้นที่ได้ แต่จำกัดความคิดไม่ได้หรอกนะ แล้วหากคนเราไม่หัดคิด ก็คงจะมีการทำงานหรือการใช้ชีวิต คล้ายกับช่างที่มาทำรั้วบ้านได้
อย่าปล่อยให้สมองว่างเปล่ากันยาว ๆ นัก ใช้ความคิดกันเยอะ ๆ ซะ สมองจะได้ไม่เฉื่อยนะ

เพราะเราคิด เราจึงเป็นนะ

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

โอกาส และ ความสุขใจ


อาทิตย์ก่อนได้ไปเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน..
คราวนี้ไปธุระใช้เวลาไม่นานนัก แต่พอมีเวลาจะไปเที่ยวเองบ้าง เลยตั้งใจไว้ว่าจะไปในที่ ๆ ไม่เคยไปเลยในเชียงใหม่..
คิดนานมาก เหมือนจะหมดความคิดเรื่องการเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ไปแล้ว
วันแรกกลายเป็นการไปกินข้าวต้มเลือดหมู หน้าโรงพยาบาลแมคคอมิก ไปลำพูน ทำธุระ กลับมาหางดง แล้วเข้าเมืองไปกินข้าวซอยเสมอใจ เหมือนเป็นนักท่องเที่ยวจริง ๆ เลย
ตกเย็นได้มีโอกาสไปร่วมงาน Chiangmai Fest' ครั้งที่ 2 ที่มีการเอาศิลปินต่างประเทศที่เขียนภาพ Street 3D มาร่วมเขียนกันด้วย เป็นงานที่น่าสนใจนะ แล้วก็เหมาะกับเชียงใหม่ซะจริง ๆ








อีกวันเลยเปลี่ยนดีกว่า หาที่กินมันซะเลย ตั้งใจไปหาร้านที่ไม่เคยกิน กินบ้าง
เริ่มจากเรือนซาลาเปา ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เลยแยกศาลเด็กไปหน่อย ร้านน่ารัก ซาลาเปาหลาย ๆ ไส้ อร่อยดีนะ
แล้วก็แวะไปกินกาแฟวาวี แถวกาดคำเที่ยง ที่ว่าจะลองกินที่เชียงใหม่นานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส กาแฟรสชาดดี บรรยากาศก็ดี
เอาซาลาเปา ไปนั่งกินกับกาแฟ สบายใจไป
เลยไปซื้อของฝากที่กาดรวมโชค แล้วก็กลับเข้าเมืองไปซื้อชาที่กาดหลวง
เป็นการมาเชียงใหม่ที่สนุกดี สนุกกับการเปลี่ยนวิธีการเดินทาง เปลี่ยนร้านที่กิน เปลี่ยนสถานที่ ที่ไป

และยังคงมีความคิดเดิม ๆ อยู่ ในเรื่องโอกาส ไม่ว่าจะไป เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน หรือจังหวัดอื่น ๆ  สิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นได้ง่าย ๆ ทั่วไปคือ ร้านที่เปิดด้วยแนวความคิดของตัวเอง
ไม่ได้เป็นแฟรนไซน์ มาจากคนอื่น เหมือนกับว่าภาคเหนือเป็นเมืองแห่งโอกาสของคนที่มีความคิดและความพยายามนะ ซึ่งในกรุงเทพฯ ทำได้ยาก เนื่องจากเรื่องพื้นที่ และเวลาของคน
ศิลปิน ศิลปะ ของทำมือ สินค้าพื้นเมือง ฯลฯ มากมายหลาบหลาก ที่สามารถนำเสนอเพื่อให้ผู้ที่สนใจ เลือกที่จะผันตัวมาเป็นลูกค้าได้
ความสุขใจจากการที่เห็นคนอื่น ๆ ชอบสิ่งที่เราทำเอง เป็นความรู้สึกที่เต็มอิ่มในจิตใจดีนะ นี่พูดในฐานะคนที่เคยทำอย่างนี้มาก่อน

ไว้จะหาโอกาสไปเปิดร้านงานทำมือที่เชียงใหม่บ้างดีกว่า คงดีกว่าคราวที่ทำในกรุงเทพฯ

แค่เห็นสิ่งของทำมือมาวางขาย ก็สุขใจที่เห็นคนเรายังมีความคิด ความพยายามแล้ว..
และถ้ามีโอกาสสนับสนุนพวกเขาบ้าง ก็คงมีกำลังใจสร้างของจริงออกมาจากจินตนาการเรื่อย ๆ นะ

เรื่องนี้เรื่อยเปื่อยมาก สงสัยอากาศจะร้อนจัด...
แต่ยังไง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ก็ร้อนพอ ๆ กัน

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

เพราะคิดจึงเป็น


ไปเชียงใหม่คราวนี้ รู้สึกแปลกหูแปลกตาไปเหมือนกัน หมอกควันที่เป็นข่าวว่าหนา ๆ ก็จางลงไปเพราะเพิ่งมีฝนตกลงมา ก็ช่วยชาวเมืองไปได้เยอะ
อีกอย่างที่พักคราวนี้ อยู่ตรงประตูท่าแพเลย ทำให้อยู่ท่ามกลางดงของชาวต่างชาติ
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้ได้พบเจออะไรมากมาย ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองขึ้นหลายอย่าง
เห็นชาวต่างชาติ ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศร ซ้อน 3 มาด้วย แล้วก็ไม่ใส่หมวก ส่งเสียงโวยวายตลอดเวลา
น้องที่มาด้วยกันตั้งคำถามว่า ตามที่รู้มา ชาวต่างชาติพวกนี้ เป็นพวกมีระเบียบวินัยนี่ แต่ทำไมเมื่อมาเที่ยวบ้านเรา แล้วจึงชอบทำอะไรฝ่าฝืนกฏระเบียบ
พอผมมองไปรอบ ๆ ก็พบชาวต่างชาติที่ทำตัวฝ่าฝืนกฎระเบียบอยู่ทุกที่
คำตอบที่พอจะตอบได้คงเป็นเพราะ พวกเขามาจากประเทศที่มีระเบียบวินัยอยู่แล้ว เมื่อไปในที่ ๆ ไม่ใช่มืองที่เคร่งครัดนัก จึงปล่อยตัว ปล่อยใจเต็มที่
เพราะยังไงธรรมชาติของมนุษย์ ก็มักจะพยายามทำตัวให้โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นอยู่แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำเป็นลืมไม่ได้ ก็คือ เพราะพวกเขาเห็นตัวอย่างของคนที่อยู่ในบ้านเราเองนี่แหละที่เป็นพวกชอบฝ่าฝืนกฎ ไม่สนใจกติกาของสังคม ข้ามถนนตามใจตัวเอง ไม่สนใจสัญญาณไฟจราจร ขับมอเตอร์ไซค์ย้อนศร หรือซ้อน 3 ไม่สวมหมวกกันน็อก ส่งเสียงดังในที่สาธารณะ ฯลฯ
เมื่อเขาเห็นตัวอย่าง เขาจึงกล้าที่จะทำโดยไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดอะไร คงต้องโทษพวกเรากันเองนี่แหละที่ทำตัวเป็นตัวอย่างแย่ ๆ ให้กับพวกเขา

ตอนเช้าตื่นมาแต่เช้านั่งอ่านหนังสือรับอากาศเย็น ๆ ลมพัดอ่อน ๆ สบาย ๆ เห็นว่าบางห้องเปิดประตูมาแต่เช้า มีผู้หญิงวัยรุ่นบ้าง วัยกลางคนบ้าง ออกมาจากห้องพัก
อีกซักพัก ชาวต่างชาติเจ้าของห้องจึงจะออกมา ผมเลยเข้าใจว่า เป็นหญิงบริการนะ ไม่ใช่ผู้เข้าพัก บางห้องก็เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า บางห้องก็พาเข้ามาทีละ 2 คน 3 คน

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ซื้อบริการทางเพศ เนื่องมาจากความคิดส่วนตัว อย่าง มันเป็นการค้ามนุษย์อย่างหนึ่ง มันเป็นการดูถูกผุหญิงซึ่งเป็นเพศแม่อย่างหนึ่ง
และอีกหลาย ๆ เหตุผลส่วนตัว แต่ผมก็ไม่ได้ดูถูกผู้ที่มีอาชีพแบบนี้ และหลาย ๆ ครั้งก็มีโอกาสนั่งคุยกับพวกเธอ บางคนก็มีความฝันที่จะเรียนให้สูง ๆ แต่ไม่มีเงินสนับสนุน
บางคนก็มีความจำเป็นทางครอบครัว บางคนก็ประสบปัญหามีลูกตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้ขาดโอกาสทางการศึกษา และต้องการให้ลูกของตัวมีการศึกษาสูง ๆ
ทุกคนที่ทำงานนี้ต้องการเงิน โดยมีเหตุผลต่าง ๆ กันไป ซึ่งผมพอจะเข้าใจได้ ตราบใดที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในบ้านเรายังดำรงอยู่

สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ บางคนต้องการเงินเพื่อไปใช้กับสิ้นของสิ้นเปลือง ตามกระแส แฟชั่น เทคโนโลยี ยาเสพติด อาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่เข้าใจถึงสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต
หรือเพราะประสบการณ์การใช้ชีวิตน้อย หรือเพราะตัวอย่างที่ดี ๆ ในสังคมมีไม่เพียงพอ ผมเคยอ่านรายงาน หรือสารคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์แบบนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีคำตอบสำหรับทุกคำถาม
ซึ่งผมก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนมาเพื่อแก้ข้อสงสัยของตัวเองได้ต่อไป

มีเวลาไปเดินถนนคนเดินวันเสาร์ ที่ถนนวัวลาย แหล่งผลิตเครื่องเงินของเชียงใหม่ ก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะของที่คนเอามาขายกลับเป็นของดาษ ๆ ที่หาได้ในหลาย ๆ ร้าน ที่ตั้งในถนนคนเดิน
ซึ่งแตกต่างกับถนนคนเดินวันอาทิตย์ ที่มีของที่ขายความคิดมาเยอะมาก แต่ข้อดีอย่างหนึ่งคือชาวบ้านที่เปิดร้านขายเครื่องเงินอยู่สามารถจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจากการที่ปิดร้านให้ช้าลง
เพราะมีถนนคนเดิน ร้านอาหารก็มีโอกาสขายได้มากขึ้น ถึงร้านริมทางในถนนคนเดินจะไม่น่าสนใจนัก แต่การเปิดถนนคนเดินที่ถนนวัวลาย เป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นมากขึ้น

อีกเรื่องหนึ่งก็คือมักมีคนถามว่า เดินทางมา หรือกลับด้วยเครื่องบินไหม? ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้ว่าเครื่องบินประหยัดเวลา แต่รู้บ้างไหมว่ามันปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์และกินน้ำมันมากกว่ารถยนต์กี่เท่า
รวมไปถึงเสียงที่ส่งออกมากระทบสิ่งแวดล้อม และอีกอย่างหนึ่งของผม การเดินทางถึงเป้าหมายนั้นสำคัญมากเท่า ๆ กับประสบการณ์ระหว่างการเดินทาง หรือบางทีระหว่างการเดินทางอาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำ

อาจเป็นเพราะผมมีความคิดในลักษณะนี้ จึงมีเพื่อนที่ไม่เข้าใจผมเป็นจำนวนมาก และบางอย่างผมคิดว่าถ้าอธิบายความคิดออกไป คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ รวมทั้งไม่พยายามจะเข้าใจ
แต่ถ้าเป็นคนที่รู้จักผมดี คงเข้าใจได้ว่า ผมเป็นไปอย่างที่ผมเป็น เพราะว่าผมคิดผมจึงเป็น

ไม่มีใครที่ทำอะไรแบบไม่มีเหตุผล พอ ๆ กับไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ครูนาฬิกา

เมื่อ 3 ปีก่อนได้นาฬิกาโบราณ แบบลูกตุ้ม ทำงานด้วยระบบลาน มาเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่
มันเดินได้คืนเดียวแล้วก็เดิน ๆ หยุด ๆ มาตลอดเลยตัดใจ ไม่ใช้เอาแขวนทิ้งไว้อย่างเดียว
เมื่อวันศุกร์ได้นาฬิกาแขวนแบบ 2 หน้ามา เลยเอาไปแขวนไว้ใกล้ ๆ แล้วก็มีการปรับภูมิทัศน์ในบ้านกันนิดหน่อย
เลยเอาเจ้านาฬิกาโบราณเรือนนี้มาแขวนไว้ซะหน้าโทรทัศน์
แล้วก็ตั้งใจไว้ว่าจะซ่อมให้ใช้งานได้
เมื่อวานพยายามหาข้อมูล ตรวจสอบกลไก ทำความสะอาด ลองซ่อมดู
ปรากฎว่าเดินได้ 11 ชั่วโมง
ด้วยความมั่นใจวันนี้เลยพยายามทำตั้งแต่เช้า เพื่อจะให้มันดีขึ้น
ผลสุดท้ายจบลงด้วย เดินได้ไม่เกิน 5 นาที จอด

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความรู้และประสบการณ์สำคัญเสมอ
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ความตั้งใจจริงและการกล้าที่จะเริ่มต้น

นาฬิกาเรือนนี้ ถึงจะใช้ไม่ได้ตอนนี้ แต่มันจะอยู่เป็นครูกับแรงบันดาลใจให้ผมไปอีกนานเลย

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ฝนพรำ


เช้านี้เริ่มต้นด้วย สภาพอากาศ ฝนตกพรำ ๆ ซัก 20 นาที.. แต่ดันเป็น 20 นาที ตอนที่อยู่นอกบ้านนะซิ
ปกติแล้ว ผมชอบฝนตก ฝนพร่ำ ๆ นี่ยิ่งชอบ ชอบตากฝน ผมว่ามันเย็นดี เหมือนกับว่าเราสัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ ผ่านร่างกายของเราเองโดยตรง
พอฝนหยุด อากาศก็เหมือนจะร้อนกว่าเดิม ดีแล้วที่เป็นไปตามฤดูกาล แสดงว่าความแปรปรวนน้อยลงกว่าปีก่อนนะ
ก่อนฝนตก ก็รดน้ำกล้วยไม้ ต้นไม้ตามปกติ มานึกได้ว่าไม่ได้เข้าไปรดน้ำในสวนนานแล้ว ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่นั่นแหละ
ใจจริงแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปพบเจอสภาพที่หดหู่ อย่างการที่ต้องเห็นต้นไม้ยืนต้นตายนะ ก็ได้แต่เข้าไปทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ยังไม่เคยเข้าไปเพื่อรดน้ำอีกเลย
เอาไว้สัปดาห์หน้าค่อยเข้าไปแล้วกัน

สภาพที่หดหู่ มักจะสร้างผลกระทบทางจิตใจให้กับคนเราได้เป็นอย่างดีเสมอ ถ้าเราเห็นแต่ภาพเศร้า ๆ น่าสงสาร จิตใจเราก็จะหดหู่ สมองเราก็จะไม่แจ่มใส ความคิดก็จะไม่เป็นไปในทางบวก เพราะยังงั้นผมเลยค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงกับสภาพการณ์แบบนั้นในลักษณะที่พบเจอติดต่อกันนาน ๆ เพื่อรักษาสภาพจิตใจตัวเองให้บวกอยู่เสมอ
แต่เกิดมาอยู่ในสังคมย่อมไม่พ้นจะต้องเจอสภาพที่จิตใจหดหู่อยู่บ้าง เพียงแต่จะจมอยู่กับมันนานแค่ไหน
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็เจอ สัปดาห์ก่อนโน่นก็เจอ สัปดาห์ก่อนของก่อนโน่นก็เจอ เรียกได้ว่าก็เจอสภาพการณ์ลักษณะนี้ตลอดนั่นแหละ
เจอขอทานอาชีพ ก็หดหู่ เจอรถชนกันก็หดหู่ เจอหมาเจ็บก็หดหู่ เจอคนที่ไม่จริงใจก็หดหู่ ฯลฯ

แต่ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเร็ว ๆ เพื่อให้หลุดจากสภาพหดหู่เร็วที่สุดนะ แล้วจะทำอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ตัวว่าจะฝึกจิตใจและความคิดของตัวเองอย่างไร
เมื่อเจอสภาพแบบนั้น ก็ต้องย้ายตัวเองออกมาแล้วมองกลับเข้าไปด้วยมุมมองใหม่ ๆ
ทำเรื่องราวที่ชอบ ย้ายสถานที่ หลาย ๆ อย่างที่ทำแล้วเราทำแล้ว หลุดจากสภาพนั้นได้ อย่าไปคิดหรือจมอยู่กับมันก็พอ

ปล่อยให้ความทุกข์ผ่านไปเร็ว ๆ จิตใจก็ดีเองแหละ
ถ้าฝนตกลงมาอีกรอบ ก็จะไปตากฝนอีกที ให้ฝนมันชะอะไรที่หมองมัวอยู่ในความคิดและจิตใจออกไปให้หมด
ก็คนมันชอบ

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไข่ต้มกับแซนวิส ในวันมาฆบูชา



เริ่มต้นจากความคิดว่าจะทำอะไรไปทำบุญวันมาฆบูชาปีนี้ดี
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญอย่างไรทางพุทธศาสนา คงไม่ต้องอธิบายมากมาย เพราะมีผู้รู้หลาย ๆ ท่านอธิบายกันไปมากแล้ว ก็คงสรุปได้ว่า เป็นวันที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 4 เหตุการณ์ คือ
พระสงฆ์ 1,250 รูปมาชุมนุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และพรงสงฆ์ทุกรูปเป็นเอหิภิกขุ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง แล้วพระสงฆ์ทุกรูปยังเป็นพระอรหันต์ รวมทั้งเหตุการณ์ทั้งหมดยังเกิดขึ้นในวันเพ็ญ เดือนมาฆะ หรือเดือน 3 ด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคงเป็นการที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมะ "โอวาทปาฏิโมกข์" ซึ่งเป็นหัวใจของพุทธศาสนา โดยประกอบไปด้วย จุดหมาย หลักการ และวิธีการ
จุดหมายมีเพียง 1 คือ มุ่งหน้าสู่นิพพาน
ส่วนหลักการนั้นมี 3 ข้อคือ ไม่ทำชั่ว ทำความดี และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
โดยมีวิธีการคือการฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอตามมรรค 8
ได้แก่ความเห็นชอบ ดำริชอบ พูดจาชอบ ทำงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พากเพียรชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจมั่นชอบ คำว่าชอบ ๆ นี่หมายถึงเป็นไปตามที่ถูกที่ควรนะ ไม่ใช่ทำตามอย่างที่ชอบ
ส่วนตัวเองคงทำตามหลักการเป็นหลัก ถึงจุดหมายจะไม่ใช่นิพพาน แต่หลักการเหมือนเดิม ไม่ทำชั่ว กับทำความดีก็พอทำได้นะ ส่วนทำใจให้บริสุทธิ์นี่ยากหน่อย ก็สิ่งยั่วยุมันเยอะ
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับข้อสันนิษฐาน ของการที่พระสงฆ์มาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมยนะครับ อาจเป็นเพราะพระสงฆ์เหล่านั้นนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน ตามสมัยนั้น
ซึ่งในวันเพ็ญ เดือนมาฆะ เป็นวันที่พราหมณ์จะลอยบาปในแม่น้ำคงคาที่เรียกว่า พิธีศิวาราตรี และเป็นวันที่พราหมณ์จะทำการบูชาเทพเจ้าของตน พระสงฆ์เหล่านั้นจึงมาชุมนุมกันเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า
เหมือนเมื่อเคยทำตอนที่เป็นพราหมณ์อยู่ นี่คงเป็นเหตุที่ยืนยันได้ว่า พุทธ กับ พราหมณ์ อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์แล้ว

กลับมาสู่วันมาฆบูชาปีนี้ ตกลงว่าจะทำไข่ต้ม ราดน้ำปลาพริก แล้วก็แซนวิสน้ำพริกเผาหมูหยอง ภายใต้แนวคิดที่ว่า พระคงไม่ได้ฉันไข่ต้ม กับแซนวิสบ่อย ๆ หรอก
หลายคนที่ได้ยิน มักจะบอกว่าเห็นด้วยพระไม่ค่อยได้ฉันไข่ต้มหรอก แต่ขอกระซิบหน่อยนะ พระแถวบ้านผมนี่ ได้ฉันบ่อยนะ เพราะถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็ไข่ต้มตลอดละผมน่ะ
ไปทำบุญใส่บาตรตามปกติ ไปวัดใกล้บ้านที่สามารถเดินไปได้สบาย ๆ ชาวบ้านแถวนั้นก็ไปทำบุญกันเต็มศาลา และยังคงมีวัยรุ่นน้อยเช่นเคย
ประชากรในการทำบุญจะได้แก่ คนแก่ คนวัยกลางคน คนวัยทำงาน ก่อนวัยรุ่น และเด็ก เด็กนี่ส่วนใหญ่คงโดนบังคับมาละ ส่วนวัยรุ่นก็คงเหลือที่สนใจในการทำความดีน้อยลงไปแล้วมั้ง
ก็หวังว่าพ่อแม่ คงปลูกฝังให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปให้เข้าใจศาสนามากขึ้นนะ

ศาสนาทุกศาสนามีหลักการเหมือนกันกับหลักการของพุทธนั่นแหละ ไม่ทำชั่ว ทำความดี มีจิตใจบริสุทธิ์
หลายคนก็ตะแบงแปลงความหมายของศาสนาต่าง ๆ ไปเพื่อสนองตัณหาตัวเองทั้งนั้น
นึกแล้วก็เหนื่อยนะ

เพียงแค่ ไม่ทำชั่ว ทำความดี ทำจิตใจห้บริสุทธิ์ โลกนี้ก็งดงามขึ้นอีกเยอะแล้วครับ
ไม่เกี่ยวกับจะทำอะไรไปทำบุญตักบาตรหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

แบ่งปัน

เดือนที่แล้วนกเขามาทำรังที่ร้านกล้วยไม้ในบ้าน เวลาจะรดน้ำกล้วยไม้ เลยไม่กล้ารดเยอะ กลัวนกเปียก
ทั้งที่ห่วงกล้วยไม้นะ เพราะโทรมมาจากเหตุน้ำท่วม เลยไม่ได้รดน้ำซะนาน
ค่อย ๆ รด คอยระวัง ให้กล้วยไม้ชุ่มชื้น แล้วก็ให้รังนกแห้งที่สุด เป็นการรดน้ำที่ลำบากจริง ๆ
ผ่านไป 1 เดือน เมื่อเกือบ 2 อาทิตย์ก่อน ลูกนกก็แข็งแรง จนบินออกไปจากรังได้อย่างปลอดภัย
พอรังว่าง ก็รดน้ำได้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจอะไรมาก
กลางอาทิตย์ก่อนกลับมาบ้าน มีศพลูกนกอยู่ใต้ร้านกล้วยไม้ อาจจะเป็นลูกนกกระจอก มองขึ้นไปบนรังนกเก่าก็ไม่เห็นนก อาจจะหัดบิน แล้วตกลงมาแถวนี้ เจ้าสองมะ เห็นว่าชีวิตมันลำบาก เลยช่วยกันส่งไปสู่สวรรค์ซะ
เมื่อวาน สังเกตเห็นขี้นกอยู่ใต้ร้านกล้วยไม้ แหงนขึ้นไปมอง ก็เห็นว่ามีนกเขามาอยู่อีกแล้ว คอยกกไข่ตลอด
ก็คงต้องรดน้ำด้วยความระมัดระวังอีกแล้ว

รู้สึกดีที่มีนกมาทำรัง แสดงว่าบ้านเราปลอดภัยดี สำหรับสัตว์ๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้ใช้สารเคมีที่บ้านเลยมั้ง.
ก็แบ่ง ๆ ที่กันไปละกัน นก กับ กล้วยไม้น่ะ

อยู่ร่วมกัน แบ่งปันกันไป โลกก็สดใสขึ้นนะ

วันนี้สั้น ๆ แค่นี้พอ จะพยายามอัพเดทบ่อย ๆ ละกัน

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สมบูรณ์แบบ?

โลกนี้มีอะไรที่พอจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบบ้างไหม?
ถ้ามีแล้วมันคืออะไร?

ความเป็นจริงมนุษย์เราคงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ชอบความสมบูรณ์แบบหรอก เพราะหากสมบูรณ์แบบแล้วจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนาอะไรอีก
แล้วเราคงไม่ได้พบนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ถูกสร้างหรือพัฒนามาเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ไม่สมบูรณ์แบบต่าง ๆ ของโลกใบนี้
วงกลมที่สมบูรณ์แบบที่มีทุกมิติของรูปทรงสมบูรณ์อาจจะดูสวยงาม แต่ดูเพียงชั่วครู่ความสนใจของคนที่ดูอยู่ก็คงจะเปลี่ยนไปสู่สิ่งอื่นที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่า
ผู้หญิงที่สวย สมบูรณ์แบบ ก็จะเป็นจุดสนใจ และต้องตาต้องใจต่อทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน แต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ความสนใจที่เทมาให้เธอก็จะถูกหันเห ไปสู่บุคคลอื่นที่มีความสมบูรณ์แบบน้อยกว่า
เหมือนว่าทำไมคนเราจึงชอบมองดวงจันทร์ มันสมบูรณ์แบบหรือ เปล่าเลย คนเรามองความไม่สมบูรณ์แบบของมันต่างหาก
บางคนชอบทำงานโดยมีทางเหลือหลากหลาย เพื่อให้งามสมบูรณ์ที่สุด บางคนทำงานทางเดียว เพราะเชื่อว่าจะทำให้งานนั้นสมบูรณ์ที่สุด
แต่ไม่มีทางไหนที่จะทำให้งานนั้น สมบูรณ์แบบได้จริง ๆ มีเพียงทำได้ใกล้เคียงที่สุดเท่านั้น
ก็หมายถึงว่า เมื่อทำงานอะไรก็ตาม ทำงานกี่รูปแบบก็ตาม ไม่สำคัญว่าจะทำให้ได้งานที่สมบูรณ์แบบหรือไม่ แต่มันสำคัญที่ได้พยายามอย่างเต็มที่หรือไม่ต่างหาก
หากว่าพยายามเต็มที่แล้ว ก็อาจนับได้ว่างานนั้นใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ แต่ถ้ายังพยายามไม่เต็มที่ ต่อให้งานเสร็จแล้ว ก็คงเป็นแค่งานที่แหว่งเว้า ขาดการเติมความใส่ใจในงานนั้น ๆ
บางคนพยามยามคิดสิ่งใหม่ ๆ แต่ไม่เคยลงมือทำ บางคนเมื่อคิดแล้วก็พยายามทำ แต่ก็เก็บไว้คนเดียว บางคนคิดแล้ว ทำแล้ว แล้วก็แจกจ่ายออกไป อย่างไหนเป็นที่น่าต้องการในสังคมกัน
บางคนมีภาพสวยหรูที่ฉาบไว้ แต่ไร้ซึ่งความเป็นมา ภาพที่ฉาบไว้อาจจะดูสมบูรณ์แบบ แต่ไม่มีวันที่จะคงทน เช่นเดียวกับสิ่งสมบูรณ์แบบที่อยู่ในมโนคติต่าง ๆ
วงกลมที่สมบูรณ์แบบก็ย่อมที่จะเป็นวงกลมที่ไม่มีสิ่งที่ขาด สิ่งที่แหว่งเว้า ที่เฝ้ารอมาทำให้สมบูรณ์

สำหรับผมแล้ว มนุษย์เราไม่ชอบความสมบูรณ์แบบหรอก อาจเป็นเพราะมันจะขาดความน่าค้นหา
เมื่อพบสิ่งที่สมบูรณ์แบบ เราจะไม่เสียเวลาเพื่อค้นหามันและใช้เวลากับมันเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเราเจอสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราจะใช้เวลาเฝ้ามองและค้นหากับมัน

ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบนั่นแหละถึงจะเรียกว่าชีวิต