วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า (2)

เมื่อวานเพิ่งรู้เรื่องของการคดโกง และฉ้อฉล จากคนที่นับถือกันมา ทำให้รู้สึกแปลก ๆ
อย่างนึงคือความรู้สึกศรัทธาในตัวเพื่อนมนุษย์ของผม ซึ่งธรรมดาก็น้อยอยู่แล้ว มันก็ลดลงไปอีก
เอาไว้จะมาเขียนบอกเล่าให้ฟัง ไว้เตือนสติกันในวันหน้านะครับ

วันนี้ก็มาต่อกัน เรื่อง การอย่าเชื่อ ในข้อต่อมาละกัน
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตาม ๆ กันมา
ข้อนี้ก็คงต้องดูเรื่องประเพณีละมั้ง หรือมีใครคิดอย่างอื่นบ้าง
บางครั้งเราก็ทำอะไร อะไร ที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไปทำไม เพียงเพราะเขาทำต่อ ๆ กันมา อาจเรียกได้ว่า ทำตามผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่สนใจที่จะหาเหตุผลก็เป็นได้นะ
เวลาเดินทางหลายครั้งที่เห็นคนอื่น ๆ ยกมือไหว้ข้างทาง ทำให้ผมสงสัยว่าไหว้อะไร ถ้าไม่รู้ว่าไหว้อะไร ผมก็ไม่เคยไหว้ตาม ๆ เขาซะทีนะ ลองคิดดูซิ เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แกะ ที่เวลาตัวอื่น ๆ หันซ้าย ก็หันซ้ายกันทั้งหมด หรือหันขวา ก็ขวากันทั้งหมด
ทำให้เกิดคำว่า "แกะดำ" ที่หมายถึงความแตกต่างไปจากพวก ผมก็อาจเป็นแกะดำตัวหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนตัดสิน

ถ้าหากเราทำตาม ๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่สนใจที่จะสอบถามถึงเหตุผล และสาเหตุของการกระทำนั้น ๆ
เราคงไม่ต่างกับแกะ ที่ไม่ยอมพิจารณาถึงเหตุผลในการกระทำได้นะ

ประเพณีบางอย่างคนเราก็ทำตาม ๆ กันไปอย่างนั้น โดยไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายที่แท้จริง
อย่างที่เคยเขียนไว้แล้วว่าสมัยโบราณ การสั่งสอนต้องอาศัยกุศโลบายเพื่อให้คนกระทำความดี
ประเพณีต่าง ๆ ก็เช่นกัน ทุกประเพณีมีเหตุผลและเป้าหมายในตัวเอง และเป็นเป้าหมายที่มุ่งสู่ความดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะส่งเสริมความสามัคคี, ความกตัญญู, ความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือการให้ความเคารพแก่ธรรมชาติ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เขาทำต่อ ๆ กันมา เราก็ต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงก่อนเชื่อและทำตามนะ

ประเพณีที่ดีต้องทำด้วยความเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงครับครับ ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว ไม่ใช่สร้างประเพณีขึ้นมาเพื่อการท่องเที่ยว

อย่างการตีกันระหว่างช่างกล เพียงรุ่นพี่บอกว่าต้องเกลียดกันเท่านั้นหรือ?
การรุมโทรมผู้หญิง เพียงเพื่อน ๆ ชวนและบอกกันว่าสนุกเท่านั้น?
การขโมย การโกงกิน เพียงมีผู้มาบอกว่าทำแล้วได้เงินดีเท่านั้น?
ตัวอย่างแย่ ๆ มีมากมายในสังคมครับ
ตัวอย่างดี ๆ ก็หลากหลายเช่นกัน

ผมไม่ยอมเป็นแกะหรอกไม่ว่าจะเป็นแกะขาวหรือแกะดำ เพราะผมเป็นมนุษย์ และคิดเป็น
มนุษย์ไม่ได้สูงส่งกว่าแกะหรือสัตว์ตัวอื่น ๆ

ผมต้องการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่คิดได้ คิดเป็น...
คุณคุณ...อยากเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันละครับ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

สุขอย่างหมา ๆ


เช้านี้ไปกดเงินจากตู้ ATM ที่ตลาดน้อย บังเอิญไปเจอเจ้าหมาตัวนี้เข้า สีสวยดีนะ ชอบหมาสีนี้ ดูกวน ๆ ดีด้วยนะ แต่ แหม! ใครนะช่างไปเขียนคิ้วให้กับมันได้ เห็นแล้วก็ตลกดี ระหว่างที่รอคิวกดเงิน เจ้าหมาคิ้วนี่มันก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ ตู้ ATM แล้วก็ค่อย ๆ หลับ อย่างสบายอารมณ์ มันคงมีความสุขของมันไปนะ เห็นแล้วก็ย้อนมามองถึงคนเรา จะมีซักกี่คนที่สามารถจะมีความสุขได้อย่างนี้ ถึงจะโดนใครเขากลั่นแกล้ง รังแก ก็ไม่ต้องโกรธหรืออารมณ์เสียมากมาย ไม่ต้องเก็บมาคิดให้เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก เสียจิต พอง่วงก็หาที่นอน แห้ง ๆ สบาย ๆ นอนหลับอย่างเป็นสุข ไม่ต้องเกิดอาการนอนไม่หลับ เพราะมั่วแต่คิด คิดแก้แค้น คิดจะเอาคืน คิดจะแกล้งเขากลับบ้าง พอไม่เก็บเอาเรื่องที่ไม่เป็นเหตุให้ยินดีเอามาคิด ก็สามารถนอนหลับอย่างเป็นสุขได้แล้ว...

ความสุขอย่างหมา ๆ นี่หาได้ไม่ยากหรอกครับ เพียงรู้จักการให้อภัยก็ได้แล้ว

ลองถามตัวเองดูซิ ว่าอยากจะนอนหลับอย่างเป็นสุข หรือนอนไม่หลับเพราะความคิดร้ายมันคุอยู่ในใจ
ผมน่ะมีความสุขอย่างหมา ๆ อยู่แล้ว อยากมีความสุขอย่างผมไหม?

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

บ่อน้ำในใจ

เรื่องสั้น ๆ ที่จะเล่าให้ฟังก็คือ หลังจากสัปดาห์ก่อนที่ผมทำบ่อน้ำใหม่ ซึ่งก็กลายเป็นที่เล่นสนุกของเจ้าสองมะที่บ้านไป บ่อก็เลยไม่ได้สวยได้ใสอย่างที่ควรจะเป็น หลาย ๆ คนก็ให้คำแนะนำต่าง ๆ นา ๆ เช่น หารั้วมาล้อมซิ เจ้าสองมะ จะได้เข้าไปกวนไม่ได้ แน่นอนผมก็เข้าไปลำบากด้วย หรือ หาตะแกรงลวดมาคลุมอ้างซิ หรือ งั้นก็หาตะกร้อมาใส่ปากเจ้าสองมะ มันจะได้ไม่เล่นไม่กัด ขอบคุณทุกคนที่เสนอวิธีการนะครับ ถ้าถามว่าผมจะพยายามทำอะไรหรือไม่ ผมคงไม่ทำอะไรนอกจากทำให้สะอาดอยู่เสมอครับ
และสะอาดโดยที่ไม่มีใครเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นผม, เจ้าสองมะ หรือปลาในบ่อ สกปรกเป็นเพียงคราบที่อยู่ด้านนอกครับ
ผมพอใจแล้วที่มีบ่อนี้ ถึงมันจะกลายเป็นที่เล่นของเจ้าสองมะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมทุกข์ร้อนแต่ประการใด

ถึงน้ำในบ่อจะขุ่น เพียงอย่าให้บ่อน้ำในใจเราขุ่น ก็เพียงพอแล้วครับ

อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า (1)


ช่วงนี้งานเยอะมาก จากที่ได้ตั้งใจไว้ว่าปีนี้จะตั้งใจทำงาน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาทันที
ทั้งนี้เพราะไม่ยอมปล่อยให้งานใด ๆ ผ่านมือไปโดยไม่พิจารณาเลย ทำให้รู้สึกว่าทำงานอย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน
ไม่ใช่เพราะอยากได้ตำแหน่งหรือลาภยศสรรเสริญ เพียงพยายามทำอาชีพ ให้เป็นสัมมาอาชีพ ที่ประกอบไปด้วยความขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง
แต่ยังมีเวลาและโอกาสที่จะให้กับสังคมบ้าง และแน่นอนครอบครัวยังมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ..

ช่วงนี้มีหลายคนหันไปอ่านและเชื่อถือเกี่ยวกับฤกษ์ยาม เวลาดี นาทีทอง กันมาก และมาปรึกษาที่ผมด้วย ทั้งที่ผมไม่ใช่คนที่เชื่อถือเรื่องพวกนี้เลย
เมื่อเรานับถือศาสนาพุทธ เราควรเข้าใจพุทธศาสนา และคำสอนของพราะพุทธเจ้าก่อนว่ามุ่งหมายไปที่สิ่งใด
สิ่งใดควรเชื่อและสิ่งใดไม่ควรเชื่อ


อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่บอกต่อ ๆ กันมา
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตาม ๆ กันมา
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง

อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างไว้ในตำรา
อย่าได้เชื่อถือ โดยการเดาของตนเอง
อย่าได้เชื่อถือ โดยการคาดคะเนของตนเอง
อย่าได้เชื่อถือ โดยการคิดตามเหตุผลส่วนตัวของตนเอง
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับความเชื่อของตน หรือมีอยู่ประจำใจ
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า ผู้พูดหรือผู้สอนนั้นอยู่ในฐานะที่พอจะเชื่อถือได้
อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า ท่านผู้กล่าวสอนนั้นเป็นครูบาอาจารย์ของเรา


คำพูดพวกนี้เป็นคำสอนที่มาจากพระพุทธเจ้า และนำมาสั่งสอนโดยท่านพุทธทาสภิกขุ
ความหมายของคำสอนชุดนี้เป็นอย่างไร ผมอยากจะลองมาพิจารณา และแลกเปลี่ยนกับทุกท่านที่ติดตามอ่านข้อเขียนของผมกันนะครับ


ข้อแรก อย่าได้เชื่อถือโดยเหตุสักว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่บอกต่อ ๆ กันมา
ความหมายของข้อนี้เราคงรู้กันดี ไม่ใช่ห้ามไม่ให้เชื่อ แต่ให้พิจารณาถึงเหตุและผลของความเชื่อนั้น ๆ ก่อนเสมอ
อย่างล่าสุด ที่มีข่าวว่า มีเบอร์โทรศัพท์มรณะ ที่พอเรียกเข้ามาที่เครื่อง จะแสดงผลหน้าจอเป็นตัวหนังสือสีแดง และผู้ที่รับโทรศัพท์นั้นจะตาย
แค่ได้ฟังก็ไม่ต้องพิจารณาต่อแล้วว่าจริงหรือไม่จริง ผมได้ยินเรื่องนี้จากคนที่เชื่อ ทั้งที่ทำงานอยู่กับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ น่าแปลกที่ความรู้เกี่ยวกับงานไม่สามารถช่วยให้เขาเข้าใจได้ว่าเป็นความเชื่อที่ไม่สามารถเชื่อถือได้
หากเราพิจารณาถึงหลักการและเหตุผลในทุก ๆ ความเชื่อ ด้วยสติปัญญา และความรู้ของเรา รวมไปทั้งความรู้ที่สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายในปัจจุบัน
เราอาจจะแยกความเชื่อที่เขาเล่าต่อ ๆ กันมาได้ว่าสิ่งใดควรเชื่อ และสิ่งใดไม่ควรเชื่อ โดยเราคงต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในอดีตที่คนเรายังไม่มีความรู้มากมายอย่างปัจจุบันนี้ด้วย
เพราะในสมัยก่อนการจะสอนหรือบังคับให้คนรู้หรือทำอะไรให้ถูกต้อง ไม่สามารถอธิบายด้วยความจริงได้ เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์สาเหตุ แต่สามารถหาวิธีป้องกันได้บ้าง เพราะวิทยาศาสตร์ในสมัยก่อนยังไม่เจริญเหมือนในสมัยนี้
จึงต้องใช้วิธีการอุปมา เพื่อให้เข้าใจง่าย และทำตามง่าย ดังนั้นเมื่อเราพิจารณาในความเชื่อเดิมใด ๆ ก็ต้องคำนึงถึง จุดประสงค์ของความเชื่อนั้น ๆ ด้วยเสมอ
เพราะปัจจุบันถึงจะมีอะไรต่อมิอะไรทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย แต่สิ่งที่สวนทางกันคือจิตใจของมนุษย์ ที่ตกต่ำลงตลอดเวลา
ดังนั้นสิ่งที่บอกต่อๆ กันมานั้น มีทั้งสิ่งที่เป็นจริง และสิ่งที่ไม่เป็นจริง มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเรา ที่จะเลือกเพื่อบอกเล่าต่อไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไปหรือไม่
ศาสนามีความมุ่งหวังที่จะทำให้จิตใจมนุษย์สูงขึ้น แต่มันยากเหลือเกินหากคนเรายังมุ่งไปสู่ความสุขทางกายอย่างหาที่สุดไม่ได้
คุณจะเชื่ออย่างที่เขาเล่าต่อ ๆ กันมาอย่างงมงาย หรือเลือกจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว อยู่ที่คุณตัดสินครับ
อนาคตของคนรุ่นต่อไปก็เช่นกัน



วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

วิกฤต มนุษย์ สันดานดิบ


เห็นข่าวที่เฮติกันไหม?
มีความรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อรู้ข่าว ตกใจ เศร้าใจ เสียใจ หรือว่าเฉย ๆ

สำหรับผมรู้สึกเศร้าใจ เห็นใจ ตามด้วยสะเทือนใจและหดหู่เมื่อเห็นข่าวการปล้นอาหารช่วยเหลือ

ความรู้สึกที่คุณมีกับเหตุการณ์ที่เฮติ คงสามารถบ่งบอกจิตใจของตัวเองได้เป็นอย่างดี การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งอาเตอร์ชอร์กอีกหลายครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต หรืออาจเสียชีวิตกว่าแสนคน ความช่วยเหลือที่ไปไม่ทันกาล ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก ความหิวโดยจากการที่ไม่มีอาหารการกิน ทำให้เมื่อมีการช่วยเหลือด้านอาหาร ทำให้มนุษย์แสดงสันดานดิบออกมา มีการปล้นอาหารที่ส่งมาช่วยเหลือ มีการแย่งชิง ขโมย อาหาร แทบไม่มีคำว่าแบ่งปันให้เห็น หากผู้คนที่เฮติ พยายามแบ่งปัน อาจจะทำให้สถานการณ์ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้นะ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เฮติ และเหตุการณ์ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก หิมะตกหนักที่อังกฤษ อากาศหนาวจัดที่จีน หรือใกล้ตัวที่สุด ฝนตกในวันขึ้นปีใหม่ในฤดูหนาวที่ประเทศไทยของเรา คงเป็นการแจ้งเหตุที่เพียงพอที่จะให้พวกเราเปลี่ยน หลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น พยายามทำดีกันเอาไว้ ไม่เบียดเบียนโลกและผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกันนี้ ไม่จำกัดเพียงมนุษย์นะครับ ถึงจะเกิดโลกแตกจริง ก็ยังรู้สึกได้นะว่าเราได้ทำดีแล้ว แต่หากโลกไม่แตกก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้โลกดีขึ้นได้มาก โลกเปลี่ยนได้ด้วยตัวเราเองครับ เพียงเริ่มต้นเท่านั้น..

ขอให้ผู้ตายไปสู่สุคติ ขอให้ผู้ที่ยังติดอยู่ในซากปรักหักพังรอดชีวิต ขอให้ผู้ที่รอดชีวิต แบ่งปันสิ่งต่าง ๆ แก่กัน


อเชิญช่วยกันร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวเฮติกับสภากาชาดไทยนะครับ

ธนาคารไทยพาณิชย์  สาขาสภากาชาดไทย  
ชื่อบัญชี  “สภากาชาด ไทย เพื่อการรับบริจาค” (เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ) หมายเลขบัญชี  045-2-88000-6  
พร้อมส่งใบโอนเงินไปที่  คุณ ภารดี  วนกุล
หัวหน้าฝ่ายการเงิน สำนักงานการคลัง   สภากาชาดไทย  หมายเลข  FAX   0-2250-0120  
พร้อมระบุ ชื่อ–นามสกุล  หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อให้ชัดเจนเพื่อขอรับใบเสร็จ

สภากาชาดไทยยินดีรับบริจาคเป็นเงินเท่านั้น   เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่งสิ่งของสูงมาก  เงินบริจาคดังกล่าวจะนำไปสนับสนุนปฎิ บัติการบรรเทาทุกข์ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือน ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ในประเทศเฮติขณะนี้  สามารถสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  0-2256-4035 – 6 หรือ 0-256-4047 – 8 


ช่วยเหลือกันเพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น เมตตาธรรมค้ำจุนโลกครับ
หากเราไม่เริ่ม ใครจะทำ หากเราไม่ย้ำ ใครจะพยายาม

ขอบคุณภาพประกอบจาก CNN ครับ ผมคไม่นำภาพที่ทำให้รู้สึกแย่หรือน่าสงสารมาให้ดูหรอกนะครับ ภาพนั้นเป็นท่าเรือ Au-Print หลังการเกิดแผ่นดินไหวในเฮติครับ

บ่อน้ำใหม่กับชีวิตที่เปลี่ยนไป


สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปหลายเรื่อง เรื่องงานคงไม่มีผลกับชีวิตของผมเท่าไหร่ อย่างที่เคยบอกไว้ว่างานเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญต่ำที่สุดแล้ว สำหรับการใช้ชีวิตของผมในปัจจุบัน
เรื่องแรกคงเป็นเรื่องที่พ่อของเพื่อนเสียไปอีกคนแล้ว หลังจากเดือนก่อนก็เสียไปแล้วหนึ่งคน เสียใจกับเพื่อนด้วย และเนื่องด้วยวัดที่ทำพิธีอยู่แถบเทพารักษ์ ซึ่งไม่มีความคุ้นเคยเลย จึงต้องหาวิธีไปที่เหมาะสมซักหน่อย ไม่สามารถจะไปได้ทันทีทันใด หรือจะเกาะไปกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็คงจะเป็นภาระให้กับเขาอีก รู้สึกเกรงใจ เลยยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนด้วยนะ
รื่องต่อมาก็เป็นเรื่องที่บ่อน้ำที่บ้านที่ทำเองกับมือ พังเสียแล้วด้วยฝีมือของเจ้ามะลิ มะระ ทำให้บ่อน้ำที่ทำไว้ มีอายุงานเพียงปีกว่า ๆ ด้วยความที่ไม่อยากให้มีบ่อรั่วอยู่ในบ้าน จึงรื้อออก และซื้อบ่อน้ำสำเร็จมาทำใหม่ ช่วงที่รื้อบ่อเก่าออก ก็พบว่า ปลากรายยังเหลือรอดอยู่หนึ่งตัว ปลานนิลอีกหนึ่งตัว แล้วก็ปลาทองหนึ่งตัว ปลากิม อีกหลายตัว ก็รู้สึกว่าดีนะ ที่ยังไม่เสร็จเจ้ามะลิ มะระ ไปหมด เอาปลาใส่ไว้ในกะละมังวางไว้ หันไปรื้อบ่อเก่าออก เจ้ามะลิ ดูเหมือนจะไม่สนใจ เพราะเพิ่งได้กระดูกชิ้นใหญ่ ไปนอนแทะเล่น แต่เจ้ามะระมาป้วนเปี้ยน เหมือนจะอยากช่วย ช่วยดึงต้นกวนอิมบ้าง ดึงบัวบ้าง... สุดท้ายพอเผลอ ก็งมกะละมัง ไปคาบปลากรายออกไปอีก สงสารปลากราย อุตส่าห์รอดมาตัวเดียว...
ทำบ่อน้ำตั้งแต่เช้า กว่าจะเสร็จก็รวมเวลา 6 ชั่วโมง เป็น 6 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยสมาธิและความทุ่มเทให้กับการทำงาน และยังเป็นตัวบ่งชี้ว่าร่างกายของผมยังแข็งแรงอยู่ เพราะทำงานหนักออกแรงติดต่อกันได้นานตั้ง 6 ชั่วโมง... บ่อน้ำก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาตามรูปนะครับ นั่นเป็นส่วนของเมื่อวานนี้ ล่าสุดวันนี้ ปลานิลตัวสุดท้าย ก็โดนเจ้าสองมะ จัดการไปแล้ว น่าสงสารนะ แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เพราะมันคงมีกรรมผูกพันกับเจ้าสองมะอยู่จึงมาชดใช้กันละมัง...
อีกเรื่องคือที่บ้านมีการติดเครื่องปรับอากาศ ทั้งที่บ้านก็มีอากาศเย็นเกือบตลอดนะ คงไม่เป็นการทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นหรอกนะ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะใช้เมื่อร้อนจริง ๆ เท่านั้น โดยจริง ๆ แล้ว ผมเป็นคนที่นอนห้องปรับอากาศแล้วจะรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเวลาที่ตื่นนะ แต่เอาเถอะ เพื่อให้กิเลสลดลง ก็สนองกิเลสซักหน่อย อันนี้เป็นข้อคิดนะครับ การที่คนเราจะดับกิเลสนั้น ที่ถูกต้องคงต้องดับที่ต้นเหตุ กิเลส จะได้ไม่ขยายไปที่ส่วนอื่น ๆ แต่นั้นแหละถึงอย่างไรซะ ผมก็ยังไม่สามารถทำได้ตามพุทธธรรมอย่างสมบูรณ์นะ เพียงแต่กิเลสของผมน้อยลงมากเท่านั้น


เนื่องจากเปลี่ยนปีมาอีกหนึ่งปีแล้ว วจีกรรมที่พยายามเปลี่ยนก็เริ่มแล้ว กิเลสก็สะกดได้หลายอย่าง ส่วนออกกำลังกายก็ถือว่าเริ่มจากการทำบ่อน้ำใหม่นี่แหละ

บ่อน้ำนั้นไม่สามารถทำให้น้ำไหลได้ฉันใด คนเราก็ฝืนความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ฉันนั้น
เพียงแต่จะเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่สูงขึ้น หรือลงสู่ส่วนที่ต่ำลง


คุณและผมเท่านั้นที่กำหนดได้ เพราะเราไม่ใช่บ่อน้ำ

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓

ขึ้นปีใหม่แล้วนะครับ เวลานี่มันไม่เคยรอใครและมันก็อยู่อย่างเห็นแก่ตัวนะครับ อย่าใช้มันอย่างเปล่าประโยชน์ อย่าใช้มันอย่างสิ้นเปลืองครับ
ลองทบทวนตัวเองในปีที่ผ่านมาดูกันรึยัง
ว่าเราให้โทสะ โมหะ โลภะ นำอยู่ในชีวิตมากเกินไปหรือเปล่า


ตั้งแต่จำความได้ปีใหม่นี้เป็นปีแรกที่ฝนตก!! อากาศคงวิปริตไปมากแล้วจริง ๆ แต่ก็อย่าให้จิตใจคนเราวิปริตไปมากกว่านี้เลยนะ
ในปีเสือนี้ หลังจากที่ได้ทบทวนและตัดสินตัวเองในปีที่ผ่านมา ว่าเป็นคนที่ดีคนหนึ่งนะ ผมนี่ แต่ไม่ได้เท่าที่ผมอยากเป็นนะ แล้วก็คิดไว้แล้วว่าปีนี้คงจะมีทั้งลดและเพิ่มในการใช้ชีวิต
ลดเรื่องการใช้คำพูดที่อาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นการล้อเล่นก็ตาม
ลดการปล่อยคาร์บอน ออกสู่อากาศ เพื่อลดโลกร้อน ก็เริ่มแล้วด้วยการเปลี่ยนโทรศัพท์ไร้สายที่บ้านมาใช้โทรศัพท์ธรรมดา ที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า... ก็เป็นอีกเรื่องนะ เพราะบ้านผมก็ทำการลดการปล่อยคาร์บอนหลายอย่างแล้วละ
เพิ่มความขยันในการทำงาน
เพิ่มความรับผิดชอบต่อสังคม.. 

และเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ก็ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และไม่เดินหลงทางในชีวิตนะครับ
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ ครับ