วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กิ๊ก? ชู้? ในความคิดของผม..

ด้วยความที่ยังเรียบเรียงข้อมูลในหัวตัวเองไม่ได้..
เลยลองอาศัยสังคมออนไลน์ว่าอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง.. มีคนตอบมาว่าอยากรู้เรื่องกิ๊ก..
ถ้าอย่างงั้นก็ลองอ่านความหมายของกิ๊กในความคิดของผมดูก็แล้วกันนะ

เพราะว่าสังคมไทยยังคงเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญต่อเพศชายสูงกว่าเพศหญิง ทำให้สถานะทางสังคมหลาย ๆ อย่างนั้นเพศชายมักจะได้มากกว่าเสมอ
สังคมไทยในอดีตนิยมการมีเมียหลาย ๆ คน ตามฐานะ ตามความต้องการ ตามความนิยม ในยุคสมัยนั้น ๆ และยังสืบทอดความนิยมนั้น ๆ มายังปัจจุบัน
ว่าการที่เพศชาย จะมีเพศหญิงหลาย ๆ คนนั้น เป็นเรื่องดี เรื่องน่ายกย่อง ลองมองย้อนกลับไปในอดีต ในเวลาที่อยู่ในช่วงของการสร้างบ้านแปงเมือง
จำนวนผู้คนในเมืองเป็นสิ่งสำคัญ จึงมีทั้งการกวาดต้อนเชลยเข้ามาเป็นแรงงาน การย้ายครัวของหัวเมืองประเทศราษฎร์เข้ามา ยังผลให้ในปัจจุบัน บ้านเราจึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และประเพณี แม้จะอยู่ในท้องถิ่นเดียวกัน
อีกส่วนหนึ่งคือการเพิ่มประชากรโดยชนชั้นปกครอง ที่อาจนับได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี เพราะมักมีความฉลาดหลักแหลม และสามารถพัฒนาบ้านเมืองได้.. การสืบพันธุ์ของคนกลุ่มนี้จึงจำเป็นต้องมีจำนวนมาก
และด้วยความที่การแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่เจริญจนทำให้อัตราการตายของทารกนั้นสูง จึงทำให้จำเป็นต้องมีการสืบพันธุ์แบบมากกว่าคู่
ในสมัยโบราณการที่เพศชายจะมีเพศหญิงหลาย ๆ คน จึงอาจเป็นเรื่องที่อนุโลมได้..
ค่านิยมนี้ยังคงสืบทอดมายังปัจจุบัน ในยุคที่มีประชากรล้นเมือง ยุคที่การแพทย์เจริญก้าวหน้า ยุคที่สังคมเท่าเทียมกัน ยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุ่งเรือง แต่จิตใจตกต่ำลงทุกที..

มนุษย์ถูกออกแบบขึ้นมาแบบสมมาตร.. แขน ขา ตา หู เป็นคู่กันหมด จึงอาจสื่อความหมายว่ามนุษย์ควรใช้ชีวิตกับเพศตรงข้ามแบบคู่เดียวนะ..
นกกระเรียน นกเขา นกเงือก ฯลฯ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย ใช้ชีวิตแบบผัวเดียว เมียเดียว.. แต่มนุษย์อีกมากมายที่ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคู่เดียวได้

เพราะอะไรหรือ.. ขอบอกในฐานะที่จมอยู่ในวิถีนั้น ๆ มาก่อนนะ.. อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจในตัวเอง ขาดความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติ รวมทั้งการนิยมในเรื่องผิด ๆ ที่สืบทอดกันมา
ถึงปัจจุบัน เมื่อมองย้อนกลับไป ถามว่าในช่วงนั้น ๆ มีความสุขไหม? ขอบอกตรง ๆ ว่าไม่มีความสุข จมอยู่ในความกังวล ความหวาดระแวง ความหึงหวง. เรื่องร้อน ๆ ทั้งนั้น
ถึงแม้ช่วงหลัง ๆ จะมีการนำคำว่ากิ๊กมาใช้แทนชู้ เพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง แต่จริง ๆ ความผิดมันไม่ได้ลดลงเลย ยังคงผิดศีลข้อสาม ในศาสนาพุทธ เหมือนเดิม
การเปลี่ยนคำเรียก ไม่มีทางเปลี่ยนตัวตนจริง ๆ ได้หรอกนะ..

มองเห็นคนมากมายรอบตัว ยังคงใช้ชีวิตตามค่านิยมโบราณแบบนี้อยู่ก็สะท้อนใจ.. คนเราควรมองและคิดใหเห็นจริงได้ด้วยตัวเองนะ ยังคงทำตราม ๆ กันไปโดยนิยมว่าดี
แต่ไม่เคยเห็นใครมีความสุขจริง ๆ ซักที.. สัตว์โลกย่อมมีสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ ผลักดันให้มีคู่และมีเพศสัมพันธุ์ มนุษย์แตกต่างกับสัตว์ตรงที่สามารถควบคุมสัญาชตญาณได้ดีกว่า จึงเกิดเป็นการแต่งงาน และอื่น ๆ เพื่อควบคุมสัญชาตญาณสำหรับคนหมู่มาก รวมทั้งยังมีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง อย่างเช่นความรักมาคอยกำหนดอีกชั้นหนึ่ง
หากเราปล่อยให้สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ มีอำนาจอยู่เหนือการควบคุม และความรัก มนุษย์นั้น ๆ ก็ไม่ต่างจากสัตว์ทั่ว ๆ ไป สัตว์โลกทั่วไป มักมีประโยชน์กับโลกใบนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และมนุษย์ซึ่งโดยปกติก็เป็นตัวทำลายโลกใบนี้อยู่แล้ว
หากปล่อยให้ตัวเองเหมือนกับสัตว์อื่น ๆ คงทำให้หนักโลกขึ้นไปอีก..
เพศสัมพันธุ์ที่ปราศจากความรัก ย่อมไร้ซึ่งความหมาย เพียงทำไปตามสัญชาตญาณการสืบพันธุ์เท่านั้น
ผมอยากจะเป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นสัตว์โลกที่มีประโยชน์กับโลกใบนี้บ้าง ไม่ใช่เป็นมนุษย์ที่ทำตัวเหมือนสัตว์โลกทั่วไป ไปวัน ๆ สำหรับผมกิ๊กหรือชู้ก็ไม่ต่างกัน และผมก็ไม่ต้องการจะมี และไม่อยากให้คนรอบข้างมีด้วย

ครั้งหนึ่งเมื่อความคิดผมยังเยาว์ ผมเคยถามพี่คนหนึ่งว่า แต่งงาน เช้ากินข้าวด้วยกัน เย็นกินข้าวด้วยกัน เห็นหน้ากันตลอด ไม่เบื่อบ้างหรือ
ครั้งนั้นผมไม่เข้าใจความหมายของคำตอบที่พี่คนนั้นตอบมา
ครั้งนี้เมื่อความคิดผมโตขึ้น ผมไม่เคยเบื่อที่จะกินข้าวเช้า กลางวัน เย็น พร้อมกับคนรักทุก ๆ วัน เห็นหน้ากันตลอดก็ไม่เคยเบื่อ จึงเข้าใจ

ลองถามตัวเองดูว่าเมื่อมีคู่แล้ว พร้อมที่จะดูแลกันและกันไปตลอดหรือไม่
ชีวิตคู่ ย่อมเริ่มจากความรัก แล้วแปรไปเป็นความผูกพัน
จากนั้นอยู่ที่คนสองคนว่าจะถนอมรักษาเอาไว้อย่างไร

จะปีใหม่แล้วใครที่ยังเดินอยู่ในวังวนนั้น ๆ ก็ลองคิดดูใหม่ได้นะ
เชือกที่มีปม มักใช้งานไม่ค่อยได้ ปมทุกปมที่ขมวดไว้ ย่อมสามารถคลายได้ แต่อาจต้องใช้เวลาซักหน่อยนะ

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ธันวาคม ๒๕๕๓

ไป ๆ มา ๆ ใกล้หมดไปอีกปีแล้วนะ.. เวลานี่มันเดินเร็วดีจริง ๆ หรืออาจช้าสำหรับบางคนก็ได้
ปีที่กำลังจะหมดไปก็นับได้ว่าเป็นปีที่ทำงานได้อย่างที่ตั้งใจไว้นะ ทำงานเต็มที่โดยตลอด ไม่คด ไม่โกง ไม่เอาเปรียบใคร จิตใจยังเป็นปกติ คำพูดที่อาจไปทำให้คนอื่นขัดข้องหมองใจก็ลดลง..
สัปดาห์ก่อนไปทำงานที่ฉะเชิงเทรา งานเสร็จ ยังไม่ทันสรุป ก็เกิดอาการอาหารเป็นพิษ กินชีวิตซะสองวันสองคืนเต็ม ๆ ตั้งแต่วันพฤหัสบดี แถมวันเสาร์ก็ยังไม่ฟื้น..
วันอาทิตย์พอฟื้นตัวนิดนึงก็ออกไปเที่ยวซะหน่อย หาประสบการณ์แปลกใหม่ กระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าซะหน่อย ตีห้ากว่า ๆ วันอาทิตย์ก็ไปเดินการกุศลกับทางกาชาด ที่สวนลุมพีนี เช้า ๆ วันอาทิตย์ ถ้าใครบอกสวนลุมฯ มีแต่คนแก่ ๆ ต้องบอกว่าสาว ๆ ก็เยอะนะ
แต่ชอบที่มีกลุ่มอากง อาม่า มารำไทเก็ก รำพัด กันพรึบพรับ เสียงดัง พร้อมเพรียงกันเชียว. แข็งแรง แข็งแรง
เดินเสร็จก็ไปต่อที่หอศิลป์ กรุงเทพฯ ที่ไปกี่ครั้งก็ยังสวย ช่วงนี้ก็มีนิทรรศการใหม่ ๆ ที่ชั้น 7, 8 และ 9 อยู่นะครับ ลองไปดู ๆ กันนะ ไปคราวนี้ก็ยังคงเดิม คนไทยน้อยเหมือนเดิม แต่อาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่ละมั้ง..
นั่งคุยกับต่างชาติหน่อยนึง แบบขำ ๆ ที่ชั้น 7 ตรงที่มีหน้อจอเล่นเกมกบกินแมลง ต่างชาติสองคนเล่นไป หัวเราะไป มีคนไทยนั่งสอนอยู่ข้าง ๆ
กลับออกมา ไปแวะงานเพื่อนพึ่งภาฯ ที่วังสวนกุหลาบ ใกล้ ๆ บ้าน ของกินเยอะนะ แล้วก็ส่วนที่ให้ความรู้หลาย ๆ ส่วน ติดใจอยู่ก็ตรงที่ ส่วนหนึ่งมีการแจกน้ำดื่มในกล่องพลาสเจอไรซ์
โดยอธิบายในเรื่องการนำกล่องกระดาษเครื่องดื่มมาทำเป็นกระเบื้องมุงหลังคา เป็นการรีไซเคิลที่ดีมาก แต่ส่วนขายอาหารขายบนกล่องโฟม จานโฟม พร้อมช้อนพลาสติก
มันขัดกันมากไปไหม? แต่มันขัดความรู้สึกมากเลยนะ ไหน ๆ ก็เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำไมไม่ให้ส่วนขายอาหาร เปลี่ยนไปใช้ภาชนะที่ย่อยสลายง่าย หรือนำกลับมาใช้ใหม่ง่ายกว่านี้นะ

กลับบ้านมาหลับเป็นตาย สงสัยเพิ่งฟื้นจากที่ไม่สบาย ร่างกายเลยอ่อนแอไปหน่อย พักผ่อนเพื่อเตรียมตัวออกไปช่วงเย็นอีกที พอช่วงเย็นก็ออกไปงาน Night at The Museum ตอน หิมพานต์ ที่สถาบันการเรียนรู้แห่งชาติ Museum Siam วันสุดท้ายของงานพอดี งานจัดได้ดีนะ น่าสนใจดี มีการแสดงดี ๆ ด้วย เป็นการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืนครั้งแรกในบ้านเราของผมนะ ผมว่าจัดแบบนี้ดี ไม่ต้องจัดนานเป็นเดือนหรือเป็นสัปดาห์หรอก
แค่จัดเป็นช่วง ๆ 2-3 วันแบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องจัดบ่อยด้วย จะได้มีแนวคิดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ในการจัดแต่ละครั้ง งานดีมีคุณภาพ ใครมีลูกมีหลานควรพาไปดูนะ ถ้าเขาจัดคราวหน้า
ชีวิตมันต้องเรียนรู้ตลอดเวลาแหละ ถ้าไม่หัดให้เด็ก ๆ รักการเรียนรู้ แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเรานะ ไปเมื่อคืนเห็นต่างชาติมามองลอดกำแพงเข้าไปคงสงสัยว่ามีอะไรกัน ก็ไปชวนเขาเข้ามาเที่ยวได้อีก ถึงจะพูดแบบมึน ๆ งง ๆ ก็เถอะ. ร่างกายไม่พร้อมนี่ทำให้สมองช้าจริง ๆ ด้วย

กลับมาบ้านดูข่าวก็ต้องรู้สึกว่าปีหน้ามีเรื่องน่าหนักใจอีกแล้ว จะมีการยกระดับการชุมนุมกัน.. คิดอะไรกันไม่ได้แล้วหรือ.. พอไม่ได้อะไรดังใจ ก็ปลุกระดม.
สำหรับผมแล้วบ้านเราคงยังไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตยจริง ๆ นั่นแหละ ยังคงความคิดเดิม ผู้คนในบ้านเรายังคงไม่สามารถใช้ความคิดวิเคราะห์ นำความรู้สึก และการถูกชักจูงได้นะ
รวมทั้งยังเห็นเงินสำคัญกว่าสิ่งอื่น ๆ ศักดิ์ศรีไม่มีความหมาย. ความอิสระสำหรับพวกเขาหมายถึงสามารถจะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงการทำอะไรก็ได้โดยไม่ไปเบียดเบียนสิทธิของคนอื่น..
การที่มีการชุมนุมกัน ทำให้ผมเสียสิทธิ์ในการเดินทางผ่านถนนนั้น ๆ ไปทำงานโดยอิสระ และรู้สึกปลอดภัย ผมควรจะไปร้องเรียนที่ไหน?

ใกล้จะเข้าสู่ปีใหม่อีกแล้ว ยังไงก็ลองทบทวนการกระทำปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาตัวเองในปีต่อไปกันนะครับ

อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งเก่า ๆ เดิม ๆ โดยไม่พัฒนา หรือเรียนรู้ใด ๆ เลย.
เปิดใจให้กว้าง ๆ เดินเข้าพิพิธภัณฑ์บ้าง.
พูดคุย พบหา ทำความรู้จักเพื่อนดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกซักคน.
ไม่ต้องไปไขว่คว้าเอาอะไรมาเป็นของตนมากนัก.
ออกกำลังกาย เลือกกินอาหารมีประโยชน์ ลดอะไร ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าทำร้ายร่างกายบ้าง.

ปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ทุกคนมีความทุกข์น้อยลงโดยทั่วกันนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความจริง?

ช่วงนี้ลมหนาวเริ่มพัดมาตามเวลาของมัน หลังจากที่ฝนสุดท้ายเพิ่งจางหายไป เพื่อรอเวลาที่จะกลับมาพบกันใหม่ในปีหน้า
อากาศสดชื่น แสงแดดสดใส ไม่แรงร้อนจนเกินไปนัก ทุกวันนี้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ร้อน หนาว เหมาะสม ตามหน้าที่ของฤดู
ตื่นขึ้นมาก็สดชื่น นั่งจิบกาแฟ ละเลียดอาหารเช้า พร้อม ๆ กับอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ เด็กไทยได้รางวัลชนะการแข่งขันระดับชาติ ทั้งทางด้านกีฬา และความรู้
นักการเมืองทำงานอย่างเต็มที่ มีการผ่านกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง มาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการโกงกิน หรือเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
ข่าวตำรวจบำเพ็ญประโยชน์มากขึ้น ก็ไม่มีอาชญกรรมมานานแล้วนี่นะ พวกนักธุรกิจบริจาคช่วยเหลือสังคมกันมากมาย
ข่าวพระหลาย ๆ วัดที่บำเพ็ญตนเหมาะสม และเผยแพร่คำสอนในแนวทางที่ถูกต้อง ไม่หลงไปกับวัตถุมงคลงมงาย
เสร็จจากอาหารเช้า เดินออกจากบ้าน เล่นกับเจ้าตัวเล็กนิดหน่อย บ้านช่องไม่ต้องล็อกมากก็ได้ นี่ว่าจะรื้อรั้วออกแล้ว เดี๋ยวนี้ความปลอดภัยในบ้านเราสูงมาก
เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะเข้าทำงาน เดินไปสองนาทีถึงสถานีรถไฟฟ้า เดินทางด้วยรถไฟฟ้าอีกสิบนาที เดินอีกห้านาทีก็ถึงที่ทำงาน
ไม่ต้องเผื่อเวลามากมาย ระบบขนส่งมวลชนเดี๋ยวนี้สะดวกสบาย และตรงเวลาดีมาก จะไปไหนมาไหน แทบไม่ต้องใช้รถส่วนตัว
การจราจรก็ไม่ติดขัด ผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจร และมีน้ำใจซึ่งกันและกัน จราจรจึงเป็นไปได้สะดวกไม่ติดขัดมานานแล้ว
ถึงที่ทำงาน พักซักนาที ก็เริ่มทำงานได้ทันที ทุกคนที่มาทำงานตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีการขัดแย้ง มีแต่ร่วมกันพัฒนา
ไม่มีการโกงกิน เข้าข้างพวกพ้อง ให้โอกาสผู้ที่มีความสามารถ คนที่ทำงานเลยตั้งใจทำงานกันเต็มที่

ลืมตาขึ้นมา
ฝันไปนี่หว่า
เข้าสู่ความจริงได้แล้วเรา อากาศที่วิปริต ผิดฤดู ผู้คนที่เห็นแก่ตัว การจราจรคับคั่ง นักการเมืองโกงกิน ถ่วงประเทศชาติ......

แต่เรายังต้องมีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นนะ แม้จะอยู่ในความฝันก็เถอะ
to sleep, perchance to dream..