วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ชื่อนั้นสำคัญไฉน?

"อ้าว.. ไม่ใส่ชื่อเหรอ" เพื่อนผมถามเมื่อผมยื่นซองผ้าป่า ที่ใส่เงินทำบุญไปแล้วคืนให้..
อันเป็นที่มาของความสงสัย ทำให้ต้องใช้ความคิดอีกแล้ว.
ชื่อนั้นสำคัญไฉน? เป็นหัวข้อที่เคยอ่านในนิตยสารต่วยตูนบ่อย ๆ สมัยยังเด็ก
เราให้ความสำคัญกับชื่อ นามสกุลมากเกินไปหรือไม่ ตอนตั้งชื่อก็ต้องไม่มีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีนะ ต้องมีอักษรที่เป็นอำนาจ อักษรที่มีบริวาร ฯลฯ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ไม่พอใจก็ไปเปลี่ยน
ในความคิดผม จากคำถามที่เพื่อนถามเรื่องการใส่ชื่อในซองทำบุญ ก็คือ แล้วบุญกรรม มันตามชื่อหรือนามสกุลเราไปหรือไง ถ้าอย่างนั้นการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล สามารถเริ่มต้นบุญและกรรมได้ไหม?
ไม่น่าจะได้นะ เพราะคนเราประกอบกันขึ้นมาจากสสารหลาย ๆ ชนิดก่อร่างขึ้นมาเป็นตัวตน โดยมีจิตเป็นตัวกำหนดความเป็นไป
ดังนั้น ไม่ว่าจะชื่ออะไร จะเปลี่ยนกี่ครั้งก็ตาม จิตนั้น ๆ ก็ยังคงเดิม และเมื่อสสารไม่มีวันสูญสลายไป จิตย่อมกลับมาประกอบกับสสารขึ้นใหม่ โดยสะสมบุญกรรมที่ทำมาทุก ๆ ครั้ง
ไม่น่าจะมีผลกับเรื่องชื่อเสียงเรียงนามนะ
เรื่องชื่อนี่ ก็เป็นเรื่องสมมุติขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อให้มนุษย์ที่ยังโง่เขลา และโง่ขึ้นเรื่อย ๆ จากเทคโนโลยี เอาไว้แยกแยะมนุษย์อื่น ๆ 
เมื่อมนุษย์ละร่างกายไปแล้ว จิตจะยังจดจำชื่ออยู่อีกหรือ? แล้วหากมีนรก สวรรค์ เขาจะเรียกจิตนั้น ๆ ตามชื่อที่ตั้งไว้ทางโลกหรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองขวางโลก ยังไม่เข้าใจว่าจะไปถามเรื่องนี้กับใครดี? แล้วถามไปถามแล้ว เขาจะเข้าใจคำถามของเราไหม?

ความเชื่อในยุโรปหลายประเทศ ชื่อที่แม่เรียกเมื่อครั้งเกิดใหม่เป็นชื่อที่มีพลังที่สุด เพราะเป็นชื่อที่ผู้ให้กำเนิดเป็นผู้ตั้งให้..
ซึ่งอาจจะไม่ใช่ชื่อที่ใช้อย่างเป็นทางการก็ได้.. แต่ทำไมหลาย ๆ คนชอบเปลี่ยนชื่อ ตั้งที่เป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้

ชื่อมีไว้เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน แบ่งสิ่งหนึ่งออกจากอีกสิ่งหนึ่ง.. ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ใช้ชื่อนั้น ๆ อยู่ ดีหรือเลว กว่าผู้อื่นนะ
ส่วนบุญกรรม ไม่สนใจชื่อหรอกว่าใครจะเป็นคนทำ เพราะจิตของคนนั้น ๆ จะรับผิดชอบโดยตัวของมันเอง

เรื่องนี้สั้น ๆ แค่อธิบายความไม่เข้าใจในเรื่องชื่อ หากใครมีความคิดเห็นยังไง รบกวนช่วยสั่งสอนด้วยนะครับ

สัตว์อื่น ๆ มันจะอยากมีชื่อเรียก หรือตั้งชื่อ หรือเปลี่ยนชื่อไหมนะ.. แล้วมันจะมีความสุขไหม
สงสัยจริง ๆ ว่าหมามันจะเรียกกันเองว่ายังไง...

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

พอ?

ช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าเศร้า ทั้งเรื่องเกี่ยวกับพระต่าง ๆ และเรื่องการปล้นค่ายทหาร
เรื่องการปล้นค่ายทหารที่ภาคใต้เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก.. คงต้องตรวจสอบเรื่องการข่าวของเรากันละมั้ง
หลายครั้งหลายหน การให้ก้ไม่เพียงพอที่จะทำให้คนบางจำพวกกลับตัวกลับใจได้ สาเหตุหลักเกิดจากความไม่เคยพอในการได้รับ
และไม่เคยเลยในการให้ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งผมไม่เข้าใจว่าการที่ผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง ๆ นั้น จะทำไปได้อย่างไร
ไม่เข้าใจว่าคนเราจะลงมือปลิดชีวิตของมนุษย์คนอื่น ๆ โดยไม่สนใจได้อย่างไร หากเป็นการป้องกันตัวก็สามารถเข้าใจได้ แต่ในหลาย ๆ ครั้ง ทางภาคใต้ที่มีปัญหา ผู้ที่สูญเสียไม่ใช่กลุ่มที่จะมีภัยคุกคามต่อผู้อื่นได้.. คนดี ๆ ต้องมาเสียไป เพราะคนบางกลุ่มที่ไม่มีทางที่จะเข้าใจการอยู่ร่วมกัน
หากพวกคุณไม่รู้จักพอ และไม่รู้จักที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่พอใจในประเทศนี้ ก็ออกไปอยู่ประเทศอื่นเถอะครับ
ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุก ๆ ท่านนะครับ
เรื่องพระสงฆ์องค์เจ้าก็เรื่องราวมากมาย ทั้งที่มีปัญหาที่ดินทำกินกับชาวบ้าน.. พระภิกษุคือผู้ขอ ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงเกิดปัญหาเรื่องการสร้างที่ของสงฆ์ทับที่สาธารณะ
เมื่อชาวบ้านอยู่กันมาก่อน หากพระสงฆ์จะจัดสร้างที่ของสงฆ์คงต้องขอจากชาวบ้าน... แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น?
เรื่องพระสงฆ์ปลอมทีบิณฑบาตร หาเงินไปเสพยาบ้า พระที่กลางคืนเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเที่ยว.. พวกคุณจะอยู่ในผ้าเหลืองให้ศาสนาเสื่อมทำไมกัน?
หากยังไม่รู้จักพอและรู้จักให้แล้ว กรุณาอย่าเข้ามาแอบอ้างเพื่อให้พุทธศาสนามัวหมองกันอีกเลยครับ

ช่วงนี้ก็มีการชุมนุมกันอีกแล้ว ข้ออ้างมากมาย ชื่อกลุ่มเยอะแยะ วัตถุประสงค์หลายหลาย.. เรียกร้องทุกอย่าง เรียกร้องตลอดเวลา แต่ไม่เคยให้อะไรกลับคืนมาสู่บ้านเมืองนี้ให้เป็นประโยชน์ หรือพัฒนาขึ้นมาเลย
ทะเลาะกันโดยไม่มองความเดือดร้อนในส่วนอื่น ๆ พวกคุณชอบไหม หากคุณเดินกลับบ้านตามปกติ แต่วันหนึ่งมีคนชุมนุมปิดกั้นทางเดินปกติของคุณโดยอ้างว่าเพื่อส่วนรวมทั้งที่เห็นว่าเป็นเพียงเพื่อคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร
หากไม่รู้จักพอและไม่รู้จักประชาธิปไตยจริง ๆ อย่าออกมาเรียกร้องเลยครับ ทำไมต้องทำให้คนอื่น ๆ เขาเดือนร้อนด้วย..

เหมือนกับการทำงานร่วมกับคนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ที่ไม่เคยรู้จักพอหรือรู้จักให้
คนเรามักจะไม่รู้ตัวว่าเห็นแก่ตัว แม้ว่าความเห็นแก่ตัวจะมีอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว จะมากน้อยก็ตามแต่กันไป หากต้องการรู้ว่าเห็นแก่ตัวแค่ไหน ลองไปทำงานให้ส่วนรวมดู หากความคิดเริ่มต้นที่ตัวเองต้องสบายที่สุด นั่นแหละเป็นการแสดงว่าตัวคุณเห็นแก่ตัวขนาดไหน?

ผมอาจจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย แต่ผมมองเฉพาะความเป็นจริงเท่านั้นครับ
อย่าไปพูดเลยว่าบ้านเราเป็นเมืองพุทธ หรือแสนจะปลอดภัย เพราะมันไม่สามารถจะอ้างอิงอย่างนั้นได้
แต่ผมก็ยังมีความหวังเสมอว่ามันจะดีขึ้น แม้ไม่ใช่ในรุ่นของเรา ก็อาจจะเป็นรุ่นต่อ ๆ ไป.

ถึงจะเหนื่อยกับผู้คน เบื่อกับความเห็นแก่ตัว กลัวกับความไม่รู้จักพอ ท้อกับส่วนที่ไม่รู้จักให้..
แต่ยังไงใจก็ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะเดินต่อไป ใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง พยายามรั้งคนที่เดินทางผิดให้กลับมาเดินทางถูก..
อาจไม่ใช่เพื่อนที่เป็นแบบพวกมากลากไป แต่จะพูดตรง ๆ กับเรื่องความผิดพลาด ผิดพลั้ง จึงอาจมีสวนทางกับความรู้สึกกันบ้าง แต่ยังไงก็เป็นไปด้วยความหวังดีตลอดนะ

รู้จักพอ รู้จักให้ ผู้คนและสังคมก็ดีขึ้นมากมาย..
เหนื่อย ถึงบางครั้งท้อแท้ แต่ไม่เคยท้อถอยนะ..

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

สำรวจตัวเอง ปีใหม่ 2554

หลังจากหายไปร่วมเดือน ก็กลับมาสวัสดีปีใหม่กันหน่อยนึงนะ สวัสดีปีใหม่ 2554 นะครับทุก ๆ ท่าน เนื่องด้วยผมก็มีความสุขเพียงแค่พอตัวเท่านั้นเอง คงไม่มากพอที่จะส่งความสุขให้กับทุก ๆ คนได้
ก็ได้แต่หวังว่าทุก ๆ คนคงจะมีความสุขกับตัวเองนะครับ และที่สำคัญก็รักษาสุขภาพ และออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงกันด้วยนะ
ทั้งความสุข และสุขภาพ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้นครับ
ปีที่ผ่านมาก็นับได้ว่าเป็นปีที่ผมสามารถทำตามความตั้งใจก่อนได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์นะ ทำงานเต็มที่ ให้เวลากับครอบครัว ดูแลพ่อแม่.. ส่วนปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะลด เลิกสบถ ดูแลตัวเองให้เรียบร้อยขึ้นอีกหน่อย.. ส่วนที่เหลือก็คอยมาจับผิดตัวเองดูว่ายังมีเรื่องเลว ๆ อะไรอยู่ในตัวอีกบ้าง จะได้ค่อย ๆ ลดมันลง ผมอยากเป็นคนดีนะ คนเราทุกคนเกิดมาอยู่บนพื้นฐานของความดีอยู่แล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ในช่วงเวลาที่เราเติบโตมานี่แหละ พ่อแม่ ครอบครัว สิ่งแวดล้อม เพื่อน.. แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เลือกให้เราเดินอยู่ในทางสายที่ดี หรือเลว กลับอยู่ที่จิตใจตัวเองทั้งนั้น.. ดังนั้นก็สำรวจตัวเองกันบ่อย ๆ เพื่อที่จะกลับตัวกลับใจ ยังไม่มีอะไรสายเกินไปหรอกครับ
ปีที่ผ่านมาได้เพื่อนใหม่ดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกนิด ได้เห็นธาตุแท้ของบางคนที่รู้จักกันมาอีกหน่อย ถือว่าเป็นปีที่คุ้มค่าจริง ๆ ในเรื่องประสบการณ์เดินทางก็ยังเดินทางอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีสถานที่ที่ยังไม่เคยไป
เรื่องนี้ค่อยมาปรับปรุงในปีนี้ก็แล้วกัน ว่าแต่ว่า จะไปที่ไหนดีนะปีนี้..
วันนี้ขับรถมาทำงานตามปกติ หยุดรถให้คนข้ามถนนที่ทางม้าลาย กลับกลายเป็นรถคันข้างหลังบีบแตรไล่ ไม่ได้ขับรถเร็ว ค่อย ๆ หยุด จะไล่ทำไม. ทำให้มาคิดได้ว่า
คนไทยเรานี้อาจจะไม่มีความปลอดภัยในท้องถนนได้เลยละมั้ง ทางม้าลาย เป็นที่สำหรับให้คนเราข้ามถนน อย่างปลอดภัย คนที่ขับรถทุกคน ต้องมีใบขับขี่ ต้องมีการสอบเพื่อจะได้ใบขับขี่
ดังนั้น เรื่องง่าย ๆ แค่ ทางม้าลาย เป็นส่วนที่ปลอดภัยสำหรับคนข้ามถนน ทำไมคนขับรถทั่ว ๆ ไป ถึงยังไม่เข้าใจ ขนาดมองเห็นคนกำลังเดินข้ามทางม้าลาย ยังไม่ลดความเร็วลงเลย
สังเกตมาหลายครั้งแล้ว ในความคิดผม แค่เห็นคนกำลังข้ามถนน ถึงไม่ใช่ทางม้าลายก็ควรจะลดความเร็วของรถแล้ว.. เป็นสามัญสำนึกที่จะแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมโลกอื่น ๆ ที่ควรจะมีอยู่ในสัตว์ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐ ที่เหนือกว่าสัตว์อื่น ๆ
แต่กลายเป็นว่า เห็นคนข้ามถนน ก้ไม่ลดความเร็ว ต่อให้ข้ามถนนบนทางม้าลาย ก็ยังไม่ปลอดภัย.. เมื่อสามัญสำนึกแบบนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลยในคนทั่ว ๆ ไป แล้วนับประสาอะไรที่คนที่ยังไม่มีใบขับขี่ แล้วมาขับรถ
แค่มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว แค่นี้โลกนี้ก็น่าจะดีขึ้นอีกเยอะแล้วนะ..
วันนี้วันพระ บังเอิญออกจากบ้านช้ากว่าปกตินิดหน่อย ประกอบกับฝนตกพร่ำ ๆ เลยไม่ได้ใส่บาตรแถวบ้าน ขับมาจนเกือบถึงบริษัทฯ แล้วกว่าจะได้ใส่บาตร ไม่ใช่ไม่เจอพระ แต่ไม่มีที่จอดรถ จะจอดอย่างที่เขาจอด ๆ กัน ก็ไม่สนิทใจ ต้องหาที่จอดดี ๆ
เหมือน ๆ กับการที่ผมไม่กินรังนก หรือหูฉลาม. มันเป็นความรู้สึกที่ฝังอยู่ในตัวไปแล้วว่ามันไม่ดี หากจะทำก็รู้สึกไม่สบายใจ เลยไม่ทำดีกว่าสบายใจกว่า
ไม่ใช่เห็นคนอื่นทำได้ก็ทำบ้าง คนเรามีความคิดเป็นของตัวเอง มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เป็นบรรทัดฐาน ดังนั้นจะทำอะไร ลองตรวจสอบความรู้สึกและจิตใจของตัวเองก่อนนะ คำตอบของทุก ๆ คำถามมีอยู่ในจิตใจของเรา ตั้งแต่เริ่มตั้งคำถามแล้วละ แต่ก็ยังเห็นบ่อย ๆ สำหรับคนที่รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ยังทำ พอถามว่าทำเพราะอะไร ก็ตอบไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วมีคำตอบในใจตัวเองอยู่แล้ว

มื่อรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องผิด เรื่องไม่ดี แต่ยังทำอยู่ตลอดเวลา ชีวิตคุณจะมีความสุขจริง ๆ ไปได้ยังไง ในเมื่อสามัญสำนึกมันค้านอยู่ตลอดเวลา
ปีใหม่แล้ว ใครที่ยังไม่เริ่ม ไม่รู่ว่าจะเริ่มปรับปรุงตัวยังไง ลองถามใจตัวเองดูดี ๆ คำตอบมันลอยอยู่ในนั้นนั่นแหละว่า จะปรับปรุงตรงไหน ยังไง..