วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อุปสรรคและปัญหา

วันก่อนได้เข้าประชุมกับบอร์ดบริหารของบริษัทฯ เป็นครั้งที่สอง ไม่นับกรณีที่โดนสอบสวนหรือมีปัญหานะ
ก่อนจะเริ่มประชุมมีคนนึงถามขึ้นมาว่า "การประชุมครั้งนี้ใช้ภาษาอะไรคะ?" "ภาษาอังกฤษนะซิ มีญี่ปุ่นประชุมด้วยตั้ง 3 คน" อีกคนนึงก็ตอบให้เสร็จสรรพ คนเริ่มคำถามที่นั่งเก้าอี้ชิดกันกับผม ก็พูดเบา ๆ "แล้วเขาจะรู้เรื่องเหรอคะ" พร้อมกับบุ้ยใบ้มาที่ผม... เป็นคุณจะรู้สึกยังไงครับ แต่ผมรู้สึกว่า พวกเธอสองคนนั่นเป็นคนที่แคบมาก ๆ ถ้าจะมองใครแค่การแต่งตัวและตำแหน่ง ผมยอมรับว่าผมคงแต่งตัวไม่เหมาะสำหรับการประชุมบอร์ดบริหาร เพราะผมไม่ใช่ผู้บริหาร การแต่งตัวด้วยเสื้อของบริษัทฯ ใส่เสื้อคลุมเนื่องจากขับรถมอเตอร์ไซค์มา คงไม่สร้างความประทับใจเท่ากับการใส่สูทผูกไทด์หรอก แต่ผมก็แต่งตัวเหมาะสมกับการเป็นช่างเทคนิคนี่ ใช่ว่าไม่เหมาะสมเสียเมื่อไหร่ ผมว่าหลายปีหลังมานี่ผมมีพัฒนาการทางอารมณ์ดีขึ้นมากเลยนะ ไม่รู้สึกโกรธ หรือ หงุดหงิด เลย ซึ่งทำให้ผมยังประชุมได้ โดยมีสติ และความรอบคอบอยู่ ที่จริงผมก็คิดนะว่าการประชุมนี่จะใส่ชื่อผมไปทำไม เอาเฉพาะผู้บริหารก็พอ... การประชุมนัดบ่ายสามโมง คนที่มีตำแหน่งใหญ่สุดในห้องกับเล็กสุดในห้องเท่านั้น ที่ตรงเวลา ที่เหลืออีก 6-7 คน เข้าสายตลอด.... ปล่อยไปนั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว...

พอกลับบ้านไปนั่งคุยบ้านแม่ คุณลูกชาย เด็กชายมะระ ก็ก่อเรื่องไปคาบรองเท้าเพื่อสุขภาพของพี่สาวมากัดซะเละ ทำให้รู้สึกเบื่อ ๆ แม่มะลิก็เหมือนกัน แต่หมาก็ยังเป็นหมานะ มันทำไปตามสัญชาตญาณ นี่แหละเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างจากสัตว์ การควบคุมอารมณ์ การยับยั้งชั่งใจ การรู้จักผิดชอบชั่วดี นี่แหละทำให้คิดไปถึงพวกที่ ปล้น ฆ่า ข่มขืน แล้วก็พวกทำเรื่องร้าย ๆ ทั้งหลาย ว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติได้... ผมก็เจรจาค่าเสียหายกับพี่สาวไป
ปัญหาอยู่ที่เช้าวันอาทิตย์ ตื่นมาพบว่าเจ้าลูกชายตัวดี ไปเอารองเท้าพี่สาวอีกคู่นึงมากัดซะแล้ว.... งานเข้าละซิ พอแม่มะลิตื่นมาก็หงุดหงิด จะไม่ให้มันกินข้าว โมโหด้วย แม่มันจะรู้ไหมว่าอาการที่แสดงออกมาของเขา อาจทำให้พ่อมะระรู้สึกไม่ดีได้ .. แต่ผมก็เข้าใจนะ โมโหแบบไม่มีที่จะปลดปล่อย จะตีก็สงสาร แม่มะลิเลยร้องไห้ซะงั้น... สาย ๆ ผมเลยทำงานศิลปะชิ้นใหม่ รั้ว หมายเลขสอง เพิ่มความสูงและความถี่ให้กับรั้ว เพื่อไม่ให้ลูกสาวลูกชายข้ามไปบ้านพี่สาวกับบ้านแม่ได้ง่ายเกินไปนัก... ดูถ้าแม่มะลิก็คงพอใจนะ อารมณ์ดีขึ้น ที่เห็นผมสร้างอุปสรรคขวางกั้นเจ้ามะระกับบ้านพี่สาวได้...
ตอนบ่ายพลาดซะ ดันนอนกลางวัน ตื่นมาปวดหัวยันดึกเลย ต้องใช้ยาช่วย ดีนะที่เช้านี่ ค่อยยังชั่วแล้ว เลยมาทำงานได้...
ก็นะชีวิตมันจะราบเรียบไปตลอดได้ยังไง อุปสรรคมีไว้ให้เราก้าวข้าม ปัญหามีไว้ให้เราแก้ไข ถ้าไม่เปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นปัญหาบ่อยนัก ชีวิตก็มีรสชาดดีนะ (หวังว่า รั้วหมายเลขสองของผมจะเป็นปัญหาของเจ้ามะระนะ ไม่ใช่แค่อุปสรรค เหมือนรั้วหมายเลขหนึ่งที่มันกระโดดข้ามไปเอารองเท้ามากัดสบาย ๆ เลย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น