วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

สำรวจตัวเองบ้างดีกว่า

เมื่อวานไม่ได้บันทึกเรื่องราวอะไรเลย รู้สึกผิดกับตัวเองอีกแล้ว แต่เรื่องที่เขียนเมื่อวันก่อน ก็ไร้สาระไปหน่อย ไม่ถูกใจตัวเองเหมือนกัน
วันนี้เลยต้องมาสำรวจตัว สำรวจจิตใจของตัวเองซักหน่อย ลองมาดูตัวเองแล้วตรวจดูว่าทำไมถึงมีความรู้สึกที่ไม่พอใจคนอื่นอยู่ ทั้งที่ตัวของเราเองยังไม่สามารถให้ทำอะไรให้ตัวเองพอใจได้ตลอดเวลาเลย อันนี้เป็นเพราะเราคงมีความคาดหวังในตัวผู้อื่นมาก ถึงมากเกินไป ทำให้หากเขาไม่สามารถทำตามที่เราคาดหวังได้ เรารู้สึกผิดหวัง จึงเกิดเป็นความไม่พอใจ อันนี้คงต้องระวังจิตใจของตัวเองแทนละ เพราะอย่างที่ว่าบางทีผมยังไม่สามารถทำให้ตัวเองพอใจได้เลย แล้วทำไมถึงต้องไปคาดหวังในตัวของคนอื่นกัน
เชื่อไหม ว่าผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว? แต่มันจริงนะ ก่อนนี้ผมอาจคิดไว้แล้วแบบที่เขียน ๆ มา พอรู้สึกไม่พอใจใคร ผมก็คิดอย่างนี้แหละ ใช้เวลาซักพักมันก็ดีขึ้น แต่คราวนี้พอเขียนลงไปด้วย กลับรู้สึกดีขึ้นทันที อาจเป็นเพราะสามารถระบายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ ทำให้ความคิดมันออกมามีตัวตนบ้างจะได้ไม่วิ่งอยู่แต่ในสมอง
เอาเป็น จากนี้ไป มีเรื่องอะไรที่ผมคิดได้ จะเอามาใส่ไว้เลยละกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่น่าคิด หรือมีข้อคิดกันละ เพราะมันน่าจะดีต่อสุขภาพจิตของผมเองนะ
กลับมาที่การสำรวจตัวผมเองกันต่อ ล่าสุดที่ทำให้รู้สึกไม่ดีคือ กินข้าว แค่กินข้าวกลางวันนี่แหละ ไม่รู้มีใครเป็นอย่างผมบ้างรึเปล่านะ คือ ผมไม่ชอบเสียงแจ๊บ ๆ ที่คนกินข้าวบางคนเป็นน่ะ
คือ ถ้าคนเรากินข้าว กินอาหารแบบไม่หุบปาก มันก็จะมีเสียงออกมา "แจ๊บ ๆ" รู้สึกขยะแขยงน่ะ ไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากได้ยิน ถ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ก็พาลคิดไม่ออกไปซะงั้น!
มันคงเป็นอาการที่ติดตัวมาตั้งนานแล้วนะ เพราะมันเป็นมาตลอดเลย ทนไม่ไหว ถ้ากินข้าวร่วมวงกัน ก็คงอิ่มเร็วเลยละ บางทีพอรู้ว่ามีคนกินแบบนี้ในวงข้าวก็เลยขอไม่ร่วมวงไปซะเลยจะดีกว่า
การที่คนเรากินข้าวไม่หุบปากนี่มันมีโทษหลายอย่างนะ คือ มีอากาศเข้าไปในกระเพาะ พร้อมกับอาหารที่กินเข้าไป ทำให้ท้องอืด กินเสร็จก็เรอให้น่ารังเกียจเข้าไปใหญ่ ระหว่างที่กินก็อาจมีเศษอาหาร
ร่วงหรือกระเด็นออกมาจากปากอีก แล้วก็แน่นอน มีเสียงแจ๊บ ๆ เออ.. ใครจะรับได้ก็รับไปเถอะ ผมรับไม่ได้จริง ๆ ก็ใช้วิธีหนีจากปัญหาบ้างเพราะไม่คิดว่าบอกเขาแล้ว เขาจะปรับตัวได้ เพราะเจอแต่คนที่อายุเยอะ ๆ ทั้งนั้นที่เป็น ก้เลยขอหนีเอาละกัน
อีกเรื่องคือเรื่องการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ๆ ซึ่งมักจะทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจเสมอ เวลาที่ได้เห็น หรือได้รู้เรื่องราวแบบนี้ ซึ่งถ้าช่วยเหลือได้ ก็ช่วยกันไป
แล้วก็เรื่องของการเข้าข้างคนผิด การช่วยอย่างไม่ลืมหูลืมตา การเล่นพรรคเล่นพวก เรื่องพวกนี้ ทำให้คนดี คนเก่ง คนมีความสามารถ ท้อใจกันไปเยอะแล้ว
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่มักทำให้รู้สึกไม่พอใจ ก็ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ใช้วิธีคิดอย่างที่บอกไว้ข้างบน ไม่เอาความคาดหวังของตัวเองไปตั้งไว้ที่คนอื่นแล้ว

เคยอ่านไหม ข้อความที่ว่า "สังคมเลว เพราะคนดีท้อแท้" นี่นะจริงนะ เพราะการทำดีในหมู่คนพาล เราก็กลายเป็นเลวอยู่ร่ำไป คนดี ๆ เลยท้อแท้กันไป
สังคมก็เลยก้าวไปในทางที่ผิด ๆ เมื่อคนส่วนใหญ่ทำเรื่องที่ผิด ๆ จนเป็นประจำแล้ว ก็บอกกับผู้อื่นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องนะ จนคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาในสังคมคิดอย่างนั้นไปด้วย

การที่เราไม่พอใจในสิ่งนอกตัวเราน่ะ เพราะเราเอาความคาดหวังของเราไปใส่ไว้ที่อื่น เมื่อไม่สำเร็จจึงเกิดเป็นความไม่พอใจ เมื่อไม่พอใจก็เกิดความคิดในแง่ลบ เมื่อมีความคิดในแง่ลบ จะไปมีความคิดสร้างสรรค์ ต่อไปได้ยังไง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น