วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ดอกวาสนา หน้าร้อน..

ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้า เช้าก็หนักขึ้นอีกหน่อยนึง หน้าร้อนแท้ ๆ
คงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้แล้วละมั้ง สำหรับสภาพอากาศในโลกนี้.. โลกคงเริ่มเอาคืนแล้วละ.
เดือนนี้ก็ผ่านวันสงกรานต์มาตามปกติ ไม่ได้ออกไปไหน แค่ไปทำบุญที่วัด แล้วก็ทำความสะอาดบ้าน สรงน้ำพระที่บ้าน สรงน้ำพ่อแม่ แถมด้วยทำอะไรมานั่งกินกันนิดหน่อย ระหว่างบ้านพี่น้องแล้วก้เพื่อนบ้าน
พร้อมด้วยข่าวเสื่อม ๆ ทั้งหลาย เด็กสาว ๆ เต้นยั่ว เปลือยอก กลางถนนหลวง โดยมีคนรอบ ๆ แถวที่เล่นสงกรานต์ตรงนั้นส่งเสียงเชียร์ให้ถอดอยู่เกือบทุกคน
ที่ออกเป็นข่าวอาจจะมีอยู่ข่าวเดียว แต่ในการละเล่นทั่ว ๆ ไป หรือในการใช้ชีวิตของเด้กพวกนี้ เรื่องแบบนี้กลับเป็นเรื่องปกติในชีวิตของพวกเขาไปแล้ว
โดยที่ผู้มีอำนาจควบคุมดูแลไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งเป็นข่าวเป็นคราวออกมา
ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังเดินไปข้างหน้า การกระทำของมนุษย์กลุ่มหนึ่งกลับย้อนกลับไปใกล้จะกลับไปเป็นสัตว์เต็มตัวแล้ว
การเปิดเผย ส่วนที่ควรปกปิดในที่สาธารณะ ก็เหมือนกับการเป็นอยู่ของสัตว์ทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ปกปิดส่วนที่แสดงออกถึงเพศของตัวเอง
มนุษย์พัฒนาการปกปิดส่วนแสดงเพศ เพื่อบังคับการเปิดเผยสัญชาตญาณ การสืบพันธุ์ ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทั่ว ๆ ไป
สัตว์ทั่ว ๆ ไป มีเพศสัมพันธ์กันด้วยสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ล้วน ๆ แต่มนุษย์พัฒนาความคิดมาจนละเอียดอ่อนกว่านั้น มนุษย์มีความรักเข้ามามีส่วนช่วยในการตัดสินใจ ในการมีเพศสัมพันธ์ และหากปล่อยให้สัญชาตญาณนี้อยู่เนื่องสำนึก ก็มักทำให้เกิดปัญหาการข่มขืนขึ้นมา
แล้วสัตว์มีการข่มขืนกันไหม? แล้วมนุษย์ที่ข่มขืนคนอื่น กับสัตว์ทั่ว ๆ ไป ใครมีจิตใจสูงกว่ากัน คงไม่ต้องบอกนะ
การที่เด็กที่เต้นแล้วโชว์หน้าอก อาจจะบอกว่าถึงโชว์ก็ไม่ได้โดนข่มขืน แต่ลืมคิดไปหรือไม่ว่าการกระทำของตัวเอง อาจไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพวกที่ไร้สมอง ไร้สามัญสำนึก จนพวกนั้นต้องไประบายกับผู้อื่น ไม่มีการกระทำใด ๆ ที่ไม่มีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นสิ่งอื่น ๆ หรอกนะครับ.. ทุกสิ่งในโลกนี้ที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกันเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ไม่อยากพูดเรื่องมนุษย์ที่อยากเป็นสัตว์แล้ว คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ก็ทำจิตใจให้ดี ๆ กว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไปก็แล้วกัน

กลับมาเรื่องสภาพอากาศ เอาแค่บ้านเราก็พอ ปกติแล้วบ้านผมวาสนาจะออกดอกทุกปีจนเป็นเรื่องปกตินะ ทุกปีเห็นคนเขาตื่นเต้นกันเวลาวาสนาออกดอกก็รู้สึกเฉย ๆ
ปีนี้วาสนามาออกดอกในเดือนเมษายน พร้อม ๆ กันทั้งภูมิภาค เป็นข่าวออกมาใหญ่โต ก็คงเป็นเพราะต้นวาสนามันสับสนกับสภาพอากาศจนไม่แน่ใจในตัวเอง เลยรีบออกดอกออกผลเพื่อดำรงอยู่ซึ่งเผ่าพันธุ์ของมันไป
แล้วมนุษย์เราย้อนกลับมามอง มาคิด มาเตรียมพร้อม มาแก้ไข กับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว ของเรากันหรือยัง อย่าคิดว่าไกลตัวนะ มันอยู่รอบ ๆ ตัวเราเลยละ

ธรรมชาติก็ดำเนินวิถีของธรรมชาติต่อไป เมื่อสับสนหรือกระทบกระทั่งก็ต้องมีบ้างที่จะเปลี่ยนวิถีของธรรมชาติ
มนุษย์จะขัดขวาง ต่อสู้ หรืออเรียนรู้ที่จะยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ คงต้องเลือก ๆ กันได้แล้วนะ..
หากเลือกที่จะพยายามต่อสู้ เปลี่ยนแปลง ขัดขวาง เอาเปรียบ ผลลัพธ์คงเป็นความวอดวายนั่นแหละ 
แต่หากเลือกที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เอาเปรียบให้น้อยที่สุด และพยายามแก้ไขสิ่งที่ถูทำลายไปแล้ว ความวอดวายที่เกิดขึ้นแน่ ๆ อาจจะขยายเวลาให้มนุษย์ไปอีกหน่อยได้นะ

เฮ้อ.. ไอ้พวกมนุษย์

1 ความคิดเห็น: