วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไข่ต้มกับแซนวิส ในวันมาฆบูชา



เริ่มต้นจากความคิดว่าจะทำอะไรไปทำบุญวันมาฆบูชาปีนี้ดี
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญอย่างไรทางพุทธศาสนา คงไม่ต้องอธิบายมากมาย เพราะมีผู้รู้หลาย ๆ ท่านอธิบายกันไปมากแล้ว ก็คงสรุปได้ว่า เป็นวันที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 4 เหตุการณ์ คือ
พระสงฆ์ 1,250 รูปมาชุมนุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และพรงสงฆ์ทุกรูปเป็นเอหิภิกขุ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง แล้วพระสงฆ์ทุกรูปยังเป็นพระอรหันต์ รวมทั้งเหตุการณ์ทั้งหมดยังเกิดขึ้นในวันเพ็ญ เดือนมาฆะ หรือเดือน 3 ด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคงเป็นการที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมะ "โอวาทปาฏิโมกข์" ซึ่งเป็นหัวใจของพุทธศาสนา โดยประกอบไปด้วย จุดหมาย หลักการ และวิธีการ
จุดหมายมีเพียง 1 คือ มุ่งหน้าสู่นิพพาน
ส่วนหลักการนั้นมี 3 ข้อคือ ไม่ทำชั่ว ทำความดี และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
โดยมีวิธีการคือการฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอตามมรรค 8
ได้แก่ความเห็นชอบ ดำริชอบ พูดจาชอบ ทำงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พากเพียรชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจมั่นชอบ คำว่าชอบ ๆ นี่หมายถึงเป็นไปตามที่ถูกที่ควรนะ ไม่ใช่ทำตามอย่างที่ชอบ
ส่วนตัวเองคงทำตามหลักการเป็นหลัก ถึงจุดหมายจะไม่ใช่นิพพาน แต่หลักการเหมือนเดิม ไม่ทำชั่ว กับทำความดีก็พอทำได้นะ ส่วนทำใจให้บริสุทธิ์นี่ยากหน่อย ก็สิ่งยั่วยุมันเยอะ
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับข้อสันนิษฐาน ของการที่พระสงฆ์มาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมยนะครับ อาจเป็นเพราะพระสงฆ์เหล่านั้นนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน ตามสมัยนั้น
ซึ่งในวันเพ็ญ เดือนมาฆะ เป็นวันที่พราหมณ์จะลอยบาปในแม่น้ำคงคาที่เรียกว่า พิธีศิวาราตรี และเป็นวันที่พราหมณ์จะทำการบูชาเทพเจ้าของตน พระสงฆ์เหล่านั้นจึงมาชุมนุมกันเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า
เหมือนเมื่อเคยทำตอนที่เป็นพราหมณ์อยู่ นี่คงเป็นเหตุที่ยืนยันได้ว่า พุทธ กับ พราหมณ์ อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์แล้ว

กลับมาสู่วันมาฆบูชาปีนี้ ตกลงว่าจะทำไข่ต้ม ราดน้ำปลาพริก แล้วก็แซนวิสน้ำพริกเผาหมูหยอง ภายใต้แนวคิดที่ว่า พระคงไม่ได้ฉันไข่ต้ม กับแซนวิสบ่อย ๆ หรอก
หลายคนที่ได้ยิน มักจะบอกว่าเห็นด้วยพระไม่ค่อยได้ฉันไข่ต้มหรอก แต่ขอกระซิบหน่อยนะ พระแถวบ้านผมนี่ ได้ฉันบ่อยนะ เพราะถ้าคิดอะไรไม่ออก ก็ไข่ต้มตลอดละผมน่ะ
ไปทำบุญใส่บาตรตามปกติ ไปวัดใกล้บ้านที่สามารถเดินไปได้สบาย ๆ ชาวบ้านแถวนั้นก็ไปทำบุญกันเต็มศาลา และยังคงมีวัยรุ่นน้อยเช่นเคย
ประชากรในการทำบุญจะได้แก่ คนแก่ คนวัยกลางคน คนวัยทำงาน ก่อนวัยรุ่น และเด็ก เด็กนี่ส่วนใหญ่คงโดนบังคับมาละ ส่วนวัยรุ่นก็คงเหลือที่สนใจในการทำความดีน้อยลงไปแล้วมั้ง
ก็หวังว่าพ่อแม่ คงปลูกฝังให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปให้เข้าใจศาสนามากขึ้นนะ

ศาสนาทุกศาสนามีหลักการเหมือนกันกับหลักการของพุทธนั่นแหละ ไม่ทำชั่ว ทำความดี มีจิตใจบริสุทธิ์
หลายคนก็ตะแบงแปลงความหมายของศาสนาต่าง ๆ ไปเพื่อสนองตัณหาตัวเองทั้งนั้น
นึกแล้วก็เหนื่อยนะ

เพียงแค่ ไม่ทำชั่ว ทำความดี ทำจิตใจห้บริสุทธิ์ โลกนี้ก็งดงามขึ้นอีกเยอะแล้วครับ
ไม่เกี่ยวกับจะทำอะไรไปทำบุญตักบาตรหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น