แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขใจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขใจ แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
โทสะบังตา อคติบังใจ
เขียนโดย
Unknown
ที่
16:05
ปล่อยมาซะนานหลังเรื่องล่าสุด เรื่องที่คิดและอยากบันทึกยังมี แต่ยังไม่อยากเอาออกมา เวลาที่ผ่านมา ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลความคิดและจิตใจของตัวเองเป็นหลัก จนคิดว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีบทพิสูจน์ ครึ่งเดือนก่อน ก็ได้พิสูจน์กันว่า ยังคงปล่อยให้ความไม่พอใจ เข้าครอบงำได้ง่าย สำหรับเรื่องบางเรื่อง
ความไม่พอใจ ที่เกิดจากผู้อื่น กลับทำให้ขาดความระมัดระวังในการขับรถ ถอยรถเข้าบ้านตัวเอง ชนเสาบ้านซะอย่างงั้น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คิดได้จากเหตุการณ์นี้ก็คือ หากปล่อยให้ความโกรธ ความไม่พอใจ เข้ามาครอบงำ ก็คงเป็นกับคนหูหนวก ตาบอดที่ไม่สามารถเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องได้
การที่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความเศร้า จากการที่แมวตาย ถึงจะรู้สึกว่าช่วยมันไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังคงปล่อยให้จมอยู่กับความเศร้านั้นตั้งนาน
เรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงนี้ก็อย่างเรื่องของการทำงานร่วมกับผู้อื่น บางครั้ง คนที่เคยทำงานมานานแต่ไม่ใช่งานที่มีการคิด ประมวลผล แก้ปัญหา และวางแผน เมื่อมาทำงานของตัวเองแล้ว คงต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งมันสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า ประสบการณ์และความรู้ย่อมต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ประสบผลได้ดียิ่งขึ้น
หลากเรื่องหลายราว คงนำมาแปลงเป็นข้อความเพื่อลดภาระการจดจำของสมองตัวเองลงกันบ้าง คงไม่เฉพาะเจาะจงกันบ้างว่าจะเขียนในช่วงไหน เอาเป็นว่าทุกวันอาทิตย์หลังเที่ยงก็แล้วกัน
เป็นการสัญญากับตัวเอง สัญญาเพื่อที่จะรักษาสัญญา
อ่านเรื่องขององค์ทะไลลามะ ใน National Geographic Thailand เล่มล่าสุด แล้วก็เห็นว่ามีความคิดไปในแนวทางเดียวกัน "การศึกษาเป็นเรื่องสากล ศาสนาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันเป็นสากล"
อย่าไปยึดมั่น ถือมั่นกับอะไรกันมากนักนะ
ปล่อยให้โทสะบังตา ก็เหมือนคนที่ปิดตาไปข้างหนึ่ง
หากปล่อยให้อคติบังใจด้วย ตาอีกข้างก็คงถูกปิดไปด้วย
ขอให้ทุกคนละโทสะ วางอคติ ได้มาก ๆ นะ เพื่อจะได้มองโลกนี้ได้กว้าง ๆ เต็มตาตัวเอง อย่างที่โลกใบนี้เป็น จะได้พบกับแง่มุมใหม่ ๆ จริง ๆ
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555
ต้นไม้ไม่เคยตายจริง ๆ หรอก
เขียนโดย
Unknown
ที่
20:52
หายไปอีกพักใหญ่ ๆ ไม่ใช่ไม่มีเรื่องให้คิดให้เล่า แต่ไม่รู้เล่าออกมาในรูปแบบไหน ก็ถือโอกาสนี้เริ่มใหม่เลยละกัน
เดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมาปลูกต้นไม้ไปหลายอย่าง ถั่วพลู ถั่วปี บวบเหลี่ยม ไผ่ มะกรูด ก็ปลูกตามรั้วกันไป ส่วนผักโขม ผักคะน้า ผักชี ก็ลองปลูกดู คราวนี้กันศัตรูพืชตัวฉกาจอย่างเจ้าสองมะ ด้วยการเอามาปลูกใส่กระถาง แล้ววางไว้ระเบียงหลังบ้านกันเลย
ถั่วพลู ถั่วปี บวบเหลี่ยม ผักโขม นี่ซื้อเมล็ดมาจากที่ชาวบ้านเขาเอามาขาย ปลูกแล้วก็ขึ้นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับมัน
ส่วนคะน้า กับผักชี นี่ซื้อเมล็ดที่ขายซองมา ใช้ไปบ้างแล้ว ที่เหลือเก็บมาเกือบปี พอเอามาปลูก คะน้ายังขึ้นอยู่ แต่ผักชีนี่ไม่ขึ้นซักต้น
คิดว่าน่าจะมีการเคลือบสารอะไรไว้นะ ไปซื้อมาใหม่ อ่านข้างซอง เป็นเมล็ดที่เก็บผลผลิตจากอเมริกา นี่เราต้องซื้อเมล็ดผักมาปลูกจากอเมริกาเหรอเนี่ย
เป็นความรู้ใหม่ที่ทำให้รู้สึกมึนไปพอสมควร ประเทศเกษตรกรรม ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศอุตสาหกรรม
ซึ่งคงเป็นหนึ่งใหนเหตุผลที่ชาวสวนบ้านเราไม่สามารถต่อรองเรื่องราคาตลาดได้ นอกเหนือจากการรวมตัวกันไม่ติดแล้วนี่
ยังสงสัยอยู่ว่าแล้วผักชีใหม่ที่ปลูกแค่ 2 วันก็ขึ้นแล้วนี้จะเป็นเมล็ดพันธุ์ GMO ไหม? แค่นึกก็กังวลแล้ว
ทำไมบ้านเราไม่ทำธนาคารเมล็ดพันธุ์บ้างนะ จะได้เก็บพันธุ์แท้บ้านเราไว้บ้าง ผมอยากปลูกต้นไม้พันธุ์พื้นเมืองเดิม ๆ นะ แต่กิ่งหรือเมล็ดหายากจัง คิดว่าคงมีการสูญพันธุ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครจดบันทึกไว้
พูดถึงเรื่องธนาคารเมล็ดพันธุ์ ผมเก็บไว้หลายชนิดใส่ขวดใส่ตู้เย็นไว้ ใครอยากได้ก็บอกนะแจกฟรี ช่วย ๆ กันปลูกต้นไม้ มองดูมันเติบโตกันบ้าง
ผมชอบต้นไม้ ชอบกล้วยไม้ เพราะพวกมันเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผมรู้สึกว่าขนาดต้นไม้ยังไม่เคยยอมแพ้ พยายามจะมีชีวิตอยู่ แล้วคนเราจะท้อแท้อะไรมากมาย จะเอาอะไรกับชีวิต
ต้นไม้ กล้วยไม้หลายอย่างก็อยู่เหมือนจะตายตั้งนาน เพื่อรอเวลาฝนตก แล้วจะงอกงามขึ้นใหม่ บางอย่างทิ้งใบทั้งหมดเพื่อออกดอกสวย ๆ หรือออกผลเพื่อสืบทอด
คิด ๆ ดู พืชนี่มันเคยตายจริง ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมันก็มีเมล็ดพันธุ์ ออกมาเติบโต แทนตัวมันอยู่เสมอ
นี่ก็ลองปลูกใหม่อีก ซื้อเมล่อนญี่ปุ่นมากิน แล้วก็เอาเมล็ดมาปลูก ก็งอกขึ้นมาใหม่ได้อีกนะ แล้วการเกิดใหม่นี่ก็สวยงามจริง ๆ
การปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงกล้วยไม้ด้วยตัวเอง ก็เป็นการฝึกจิตใจ ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทนได้ แล้วยังเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับผมได้อีกด้วย
ปลูกด้วยตัวเอง ใส่ใจ ดูแล และ เฝ้ามอง อย่าเพียงต้องการครอบครอง และคอยมองดูมันค่อย ๆ ตายไป
การปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงกล้วยไม้น่ะ ไม่ได้ใช้แค่มือและความรู้ แต่ต้องใช้ใจด้วย
ใจเป็นสุข ทุกอย่างก็เย็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)