วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โทสะบังตา อคติบังใจ


ปล่อยมาซะนานหลังเรื่องล่าสุด เรื่องที่คิดและอยากบันทึกยังมี แต่ยังไม่อยากเอาออกมา เวลาที่ผ่านมา ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลความคิดและจิตใจของตัวเองเป็นหลัก จนคิดว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีบทพิสูจน์ ครึ่งเดือนก่อน ก็ได้พิสูจน์กันว่า ยังคงปล่อยให้ความไม่พอใจ เข้าครอบงำได้ง่าย สำหรับเรื่องบางเรื่อง
ความไม่พอใจ ที่เกิดจากผู้อื่น กลับทำให้ขาดความระมัดระวังในการขับรถ ถอยรถเข้าบ้านตัวเอง ชนเสาบ้านซะอย่างงั้น
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คิดได้จากเหตุการณ์นี้ก็คือ หากปล่อยให้ความโกรธ ความไม่พอใจ เข้ามาครอบงำ ก็คงเป็นกับคนหูหนวก ตาบอดที่ไม่สามารถเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องได้

การที่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความเศร้า จากการที่แมวตาย ถึงจะรู้สึกว่าช่วยมันไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังคงปล่อยให้จมอยู่กับความเศร้านั้นตั้งนาน

เรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงนี้ก็อย่างเรื่องของการทำงานร่วมกับผู้อื่น บางครั้ง คนที่เคยทำงานมานานแต่ไม่ใช่งานที่มีการคิด ประมวลผล แก้ปัญหา และวางแผน เมื่อมาทำงานของตัวเองแล้ว คงต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งมันสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า ประสบการณ์และความรู้ย่อมต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ประสบผลได้ดียิ่งขึ้น

หลากเรื่องหลายราว คงนำมาแปลงเป็นข้อความเพื่อลดภาระการจดจำของสมองตัวเองลงกันบ้าง คงไม่เฉพาะเจาะจงกันบ้างว่าจะเขียนในช่วงไหน เอาเป็นว่าทุกวันอาทิตย์หลังเที่ยงก็แล้วกัน
เป็นการสัญญากับตัวเอง สัญญาเพื่อที่จะรักษาสัญญา

อ่านเรื่องขององค์ทะไลลามะ ใน National Geographic Thailand เล่มล่าสุด แล้วก็เห็นว่ามีความคิดไปในแนวทางเดียวกัน "การศึกษาเป็นเรื่องสากล ศาสนาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันเป็นสากล"
อย่าไปยึดมั่น ถือมั่นกับอะไรกันมากนักนะ

ปล่อยให้โทสะบังตา ก็เหมือนคนที่ปิดตาไปข้างหนึ่ง
หากปล่อยให้อคติบังใจด้วย ตาอีกข้างก็คงถูกปิดไปด้วย

ขอให้ทุกคนละโทสะ วางอคติ ได้มาก ๆ นะ เพื่อจะได้มองโลกนี้ได้กว้าง ๆ เต็มตาตัวเอง อย่างที่โลกใบนี้เป็น จะได้พบกับแง่มุมใหม่ ๆ จริง ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น