วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

ไม่ยินดียินร้าย

ช่วงนี้สถานการณ์ในกรุงเทพฯ แล้วก็ในประเทศไทยนี่ ค่อนข้างอึมครึมนะครับ
คงเป็นเพราะการที่มีกลุ่มคนที่ความคิดเห็นต่างกัน ความต้องการต่างกัน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่างกัน
เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เยอะ เพื่อเรียกร้องอะไรบ้างอย่าง โดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ และสิทธิของผู้อื่น

ประชาธิปไตยที่เรียกร้องนั้น พื้นฐานอยู่ที่สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลนะครับ การปิดถนนทำให้ผู้อื่นเสียสิทธิของเขา เป็นประชาธิปไตยตรงไหน?


สำหรับผมนั้น ก็ขอบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้เสียผลประโยชน์ 2 ฝ่ายที่ อ้างเอามวลชนขึ้นหน้าและหาเหตุ เพื่อหวังผลในการครอบครองอำนาจ
ไม่ได้ว่าสีเดียวนะ ก็ทั้ง 2 สีนั่นแหละ ในฐานะคนกรุงเทพฯ แท้ ๆ ขอบอกว่าผมแล้วก็คนแถวๆ บ้าน แล้วก็เพื่อนในบริษัทฯ เบื่อกันมาก ๆ ที่ว่าไม่มีคนกรุงเทพฯ ต่อต้านน่ะ ใครเขาจะกล้าออกมาต่อต้านครับ น่ากลัวกันซะขนาดนั้น
วันที่เขาเอาเลือดไปเทกัน ผมก็ไปบริจาคเลือดนะ แต่ให้กับกาชาด เลือดยังสำคัญมาก ๆ กับผู้ป่วยจำนวนมาก การเอาเลือดไปเททิ้งอย่างนี้ นอกจากอาจจะเป็นการแพร่เชื้อโรคที่มากับเลือดได้แล้ว ยังเป็นการลิดรอนสิทธิของโอกาสในการมีชีวิตอยู่ของคนป่วยหลายๆ คนด้วย
เรื่องนี้น่าด่ามาก ๆ หรือน่าจะมีใครที่อยู่ใกล้ ๆ สถานที่นั้นๆ ไปแจ้งความไว้นะครับ

ส่วนเรื่องเอาเลือดไปปาใส่บ้านนายกฯ นี่ผมว่าเป็นสถานที่ส่วนบุคคลนะครับ ย่อมมีเหตุอันควรที่จะปกป้อง บ้านนายกฯ นี่แค่ราดน้ำยาฆ่าเชื้อออกมานะ แค่ป้องกัน ยังไม่ทันจะตอบโต้เลย
หากมีใครเอาของมาปาใส่บ้านคุณคุณจะปกป้องไหม  หรืออาจจะขยายไปจนถึงขั้นที่ต้องตอบโต้เลย
ประชาธิปไตย คือการเคารพสิทธิของผู้อื่นนะครับ การกระทำอย่างนี้เรียกว่าประชาธิปไตยตรงไหน?

ช่วงเย็น ๆ เวลากลับบ้านผมต้องเปลี่ยนเส้นทางมาขึ้นสะพานปิ่นเกล้า เพราะทางปกติต้องผ่านทำเนียบรัฐบาล ตอนมีชุมนุมของกลุ่มก่อนหน้าก็ทำให้ผมเสียสิทธิในการเดินทางกลับบ้านตามปกติอยู่แล้ว
กลุ่มนี้ก็มาเอาสิทธิของผมไปอีก เพื่อประชาธิปไตยกันตรงไหน?
แล้วพอติดไฟแดงอยู่ รถมอเตอร์ไซค์ ที่มาจากกลุ่มชุมนุม ไม่ใส่หมวกกันน็อค วิ่งบนถนนหลวง ผิดกฎหมาย ทำไม? เมื่อฝ่าฝืนกฎหมาย ทำไมยังมีหน้ามาเรียกร้องสิ่งอื่น ๆ ได้อีก
มีคนที่มีหมายจับอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำไมไม่จับ?
ในเมื่อกลุ่มผลประโยชน์ 2 กลุ่มกำลังชิงความได้เปรียบในการครองอำนาจอยู่ อะไร ๆ ก็ไม่สามารถจัดการได้อย่างเต็มที่
มวลชนที่หลงเชื่อย่อมเป็นได้แค่เบี้ยที่มีประโยชน์น้อย หากได้ตามที่หัวหน้ากลุ่มหวัง คิดว่าผู้ที่หลงเชื่อจะได้อะไรหรือ?
การมาร่วมชุมนุมเป็นเวลานานๆ ของทั้ง 2 กลุ่ม ผมเป็นคนที่ทำงานหาเงินมาใช้จ่ายคนหนึ่ง จึงไม่เข้าใจว่าสามารถไม่ทำงานมาร่วมชุมนุมเฉย ๆ นาน ๆ ได้ยังไง
ไม่ทำมาหากินกันกันเหรอ? ลูกเมียจะกินอะไร? เอาเงินที่ไหนมาใช้กันนะช่วงนี้?
ถ้าเห็นว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ชีวิตก็ไม่มีความสุขหรอกครับ

วันก่อนมีต่างชาติเข้ามาดูงานที่บริษัทฯ เขาก็บอกว่าจริงๆ ไม่อยากมาช่วงนี้ เพราะสถานการณ์ไม่ดี แต่ต้องมาเพราะเลื่อนไม่ได้
ตอนมืดพาไปกินข้าวเย็น เขาพูดมาคำหนึ่ง ว่าเดือนหน้าต้องไปดูงานที่ดูไบต่อ
"ว่าจะไปซื้อดูไบแมน"
"ซื้อดูไบแมนได้ ก็ซื้อประเทศไทยได้"
พวกคุณรู้สึกอย่างไรไม่รู้นะ แต่ผมรู้เลยว่ารู้สึกเจ็บ หน้าชาเลย ชาวต่างชาติก็ยังเห็นว่าปัญหาเกิดจากใคร ทำไมคนไทยบางส่ววนยังคิดไม่ได้นะ

บ่นเรื่องน่าเบื่อ ๆ ไปแล้ว ยังไงก็ขอให้คิดกันอย่างสบายๆ นะครับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ ไม่มีอะไรที่เป็นจริงทั้งนั้น
พิจารณาถึงเหตุและผล แต่อย่าเอาการกระทำของผู้อื่นมาคิดและเอาใจใส่ขนาดต้องเครียดนะครับ

เพราะเราไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์
อย่าเอาการกระทำของผู้อื่น มาทำให้จิตใจเราขุ่นมัว
เมื่อจิตใจของเราขุ่นมัว ย่อมแสดงออกมาทางสีหน้า น้ำเสียง และการแสดงออก
ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะกระทบต่อความรู้สึก ของผู้อยู่รอบข้างหรือไม่
หากไม่มีจิตใจที่ขุ่นมัว หรือหากเกิดขุ่นมัว แต่ขจัดออกได้อย่างรวดเร็ว
ชีวิตย่อมไม่ร้อนและใสตามจิตใจของเรา


ดังนั้น อย่าไปยินดียินร้ายกับเรื่องรอบๆ ตัวมากนักนะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 มีนาคม, 2553 21:08

    เขามีผลประโยชน์ส่วนตัวบนความทุกข์ของผู้อื่น

    ตอบลบ