วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รูปถ่ายและการถ่ายรูป

เคยไหม ที่มีคนถามอะไรเรา แล้วเราไม่ตอบ ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
อาจเป็นเพราะยังไม่แน่ใจ อาจเป็นเพราะกลัวคำตอบจะทำร้ายคนอื่น อาจเเป็นเพราะกลัวคำตอบจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

คำถามนึงที่ผมถูกถามบ่อย ๆ คือ "เดี๋ยวนี้ ไม่ถ่ายรูปแล้วเหรอ?" "ทำไมไม่ซื้อกล้องใหม่ละ?"
สำหรับคำตอบนั้นมีอยู่ในใจผมแล้ว และก็ตอบไปแล้ว นั่นคือ ยังถ่ายรูปอยู่แต่ไม่ซื้อกล้องใหม่...

ส่วนคำอธิบายของคำตอบนั้น ยังไม่เคยบอกกับใคร ๆ คราวนี้เลยเอาความคิดส่วนนี้มาอธิบายนะครับ

สาเหตุของความชอบในการถ่ายรูปของผมนั้น เริ่มเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน จากการที่เริ่มอ่านหนังสือ และเห็นรูปภาพสวย ๆ ตามนิตยสารสารคดีต่าง ๆ

แล้วก็อยากจะถ่ายรูปบ้าง ก็เริ่มจากกล้องโกดักตัวเล็ก ๆ ของพ่อกับแม่ก่อน เลยกับฟิลม์ 35 ม.ม. แล้วก็อีกตัวหนึ่งกับฟิลม์ 110 โดยมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการถ่ายรูปว่าต้องเป็นการบันทึกภาพที่ออกมาเป็นจริงเท่านั้น ประกอบกับอุปนิสัยของผมที่ไม่ค่อยชอบสังคมและผู้คนนัก

การถ่ายรูปของผมจึงโอนเอียงไปทางการถ่ายภาพธรรมชาติ และสัตว์ต่าง ๆ เป็นหลัก และมาเริ่มถ่ายรูปอย่างค่อนข้างจริงจัง ในอีก 3 ปีต่อมาด้วยกล้องแคนนอน SLR จนกล้องพังไปจากการที่ถ่ายรูปนกน้ำกลางเขื่อนแล้วเรือล่ม... ก็เปลี่ยนมาใช้แคนนอนอีก ช่วงนั้นยังเรียนหนังสืออยู่ จึงต้องทำงานนอกเก็บเงินไปด้วยนานอยู่กว่าจะได้กล้องตัวใหม่ ซึ่งก็เกิดปัญหาจากการใช้งานตอนไปถ่ายรูปป่าฝนที่ภาาคใต้อีก... คราวนี้พักไปยาวแล้วเปลี่ยนมาใช้นิคอน แล้วก็เลนส์อีกหลายตัว เนื่องจากทำงานประจำแล้วจึงมีเงินพอจะนำมาใช้จ่ายส่วนนี้ได้ แล้วก็เพนแท็กซ์ อีกตัวไว้เป็นกล้องสำรอง... และการถ่ายรูปใช้แต่ฟิลม์สไลด์เท่านั้น

เวลาเดินทางไปถ่ายรูปที ขนของกันเพียบ เลนส์ 2-3 ตัว แฟลช กล้อง SLR 2 ตัว ขาตั้งกล้อง.... การเดินทางในช่วงนั้น เมื่อเข้าป่าจึงเลิกนอนเต็นท์ แล้วนอนเปลแทน เพราะแบกเต็นท์ไปด้วยไม่ไหว ประกอบกับชอบที่จะเดินทางคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก ๆ จึงต้องมีความคล่องตัวในการเดินทางสูง

กระเป๋ากล้อง 2 ใบ คาดเอว 1 สะพาย 1 แล้วก็เป้ใส่ของใช้ส่วนตัว.. ผมเดินทางถ่ายรูปมาแล้วทั่วประเทศ ป่าทางเหนือ ป่าทางใต้ ป่าอีสาน หรือป่าตะวันตก...

มีรูปภาพมากมายที่อยู่ในฟิลม์สไลด์ ดีบ้าง แย่บ้าง... เคยจะได้ร่วมงานกับนิตยสารเกี่ยวกับสารคดี.. แต่เนื่องจากยังไม่มีรางวัลอะไรรองรับ จึงยังไม่ออกจากงานเดิม มาถ่ายรูปเป็นอาชีพ...

เมื่อโลกเปลี่ยนมาสู่กล้องดิจิตอล กล้องดิจิตอลตัวแรก ๆ ในประเทศไทยก็ผ่านมือผมมาก่อนที่คนทั่วไปจะรู้จัก เนื่องด้วยงานที่ทำต้องตรวจสอบสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ..

และจนถึงปัจจุบันนี้ ผมก็ยังไม่มีกล้องดิจิตอลของตัวเองซักตัวเลย..

สาเหตุก็มาจากว่า ผมรู้สึกว่าความน่าหลงใหลของการถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลนั้นน้อยกว่ากล้องฟิลม์มาก... กล้องฟิลม์ต้องใช้ฝีมือและทักษะมาก เพราะเราจะไม่เห็นภาพทันที เราต้องจินตการให้ได้ว่าภาพจะออกมาเป็นเช่นไร กับการตั้งค่าต่าง ๆ ให้กับการถ่ายรูปนั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้ผมชอบการถ่ายรูป

ข้อดีของกล้องดิจิตอลก็คือ ทำให้เกิดตากล้องฝีมือดีขึ้นอีกจำนวนมาก มีภาพสวย ๆ ที่ผมไม่เคยเห็น ไม่เคยทำได้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ..

แต่ตากล้องดิจิตอล มักจะควบคู่ไปกับการตกแต่งภาพ.. ภาพที่ได้สวยจริงจากฝีมือการถ่ายภาพของตัวเองหรือ? หรือว่าเกิดจากฝีมือการตกแต่งภาพจากคอมพิวเตอร์

ถ้าการตกแต่งภาพนั้น ผมทำได้อย่างสบาย ๆ เพราะการทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานหลักของผมอยู่แล้ว...
ผมยังถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลอยู่บ้างแต่มักเป็นกล้องของคนอื่น หลากหลายยี่ห้อ.. หรือไม่ก็กล้องจากโทรศัพท์มือถือ... ตอนนี้กระบี่อยู่ที่ใจแล้วครับ ใช้อะไรก็ได้...
มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนถ่ายรูปบ้างคน คือการใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพ แล้วเอาข้อมูล รูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ มาถ่ายด้วยกล้องฟิลม์... ฝีมืออยู่ตรงไหนเนี่ย แล้วน่าภูมิใจตรงไหน..

เนื่องจากผมถ่ายรูปโดยเน้นความเป็นจริงเป็นหลัก และหลงใหลในการใช้จินตการเพื่อบันทึกภาพ

คำตอบของผมจึงเป็น

"ยังชอบถ่ายรูปและยังถ่ายรูปอยู่ แต่ไม่อยากซื้อกล้องดิจิตอลครับ"
"เพราะผมรักการใช้จินตการในการบันทึกภาพครับ"
และบทความนี้มีภาพประกอบนะครับ แต่ต้องดูจากสไลด์ที่ผมมีอยู่เท่านั้นครับ....ไม่ใช่ไฟล์ดิจิตอล ที่คุณไม่มีทางจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น