วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

สวดมนต์? เพื่ออะไร?

หลายวันมานี่ มีแต่เรื่องน่าวุ่นวายนะครับ อากาศก็ร้อน อย่าร้อนใจกันไปด้วยละ
ไม่ได้เขียนอะไรเลยมาหลายวันแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมางานเยอะ งานที่บริษัทฯ งานบ้าน เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง แต่ไม่ได้เขียนบล็อก แต่เรื่องที่คิด ๆ ไว้มีเยอะแยะเลยนะ ทยอย ๆ เอามาเขียนให้ละกันครับ
มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิด ๆ มาเป็นเดือนแล้ว และก็สรุปออกมาตามความคิดของผมแล้วนะครับนั่นคือ
"การสวดมนต์" ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่ปลูกบ้านเสร็จ ผมก็ไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ โดยหลัก ๆ ก็ทุกวันศุกร์ แล้วก็วันพระ ก็สวดเหมือนที่คนส่วนใหญ่เขาสวดกัน ทั่ว ๆ ไป อย่างชินบัญชร แล้ววันพระก็เพิ่มยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เข้าไปอีก ใช้เวลาก็ประมาณเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมงต่อครั้งนะ แต่ถ้าเป็นวันพระก็เพิ่มเวลาไปอีก
เราสวดมนต์เพื่ออะไร? สวดแล้วก็ไม่เข้าใจความหมาย ดูคล้าย ๆ นกแก้ว นกขุนทอง ที่พูดได้แต่ไม่รู้ความหมาย
ดังนั้นผมจึงพยายามทำคววามเข้าใจและหาคำแปลของบทสวดมนต์ต่างๆ มาอ่านเพื่อให้รู้ขึ้นมาบ้าง
อย่างบทสวดชินบัญชร ที่มีความหมายของบทสวดประมาณว่าขอเชิญพระอรหันต์หลาย ๆ องค์ มาประทับอยู่ตามทิศต่างๆ รอบตัวเรา ในเมื่อพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น ได้เข้าสู่นิพพานไปแล้ว ทำไมเราจึงยังอัญเชิญท่านมาได้อีก และเมื่อท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ ย่อมหมายความว่า ท่านย่อมหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าท่านจะทำกรรมดีใด ๆ ย่อมไม่มีผลต่อตัวท่านอีก
พุทธศาสนาสอนให้คนเราอยู่ในศีล สมาธิ และปัญญา โดยให้ความสำคัญกับปัญญา มากที่สุด ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา คือการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสอนให้รู้จักใช้การพิจารณาถึงต้นเหตุของการเกิดทุกข์ แล้วก็พยายามดับมันเสีย
แล้วการสวดมนต์เกี่ยวอย่างไรกับหลักการของพุทธศาสนา?
พระสงฆ์ มีหน้าที่ในการเผยแพร่คำสอนของพุทธศาสนา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์
พระก็สวดมนต์ให้คนทั่วไปฟัง แต่คนที่ฟังเข้าใจความหมายไหม? แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน
แล้วตัวพระผู้สวดเข้าใจความหมายและเป้าหมายของบทสวดนั้น ๆ หรือไม่? แล้วจะมีประโยชน์อะไร
ทำไมไม่ค่อยมีวัด หรือพระ ที่จะใช้บทสวดที่แปลเป็นภาษาไทยมาแล้ว คนที่ฟังจะได้ฟังรู้เรื่องและหัดคิดกันได้บ้าง

ผมว่าพุทธศาสนาในประเทศของเรา ดำเนินการสอนแบบผิด ๆ อยู่ ผู้คนที่บอกว่าเป็นพุทธ จึงเป็นเพียงคำพูด ไม่ใช่การดำรงตน

ถ้าคนไทยเป็นพุทธจริง เข้าใจคำสอนจริง จะมีเหตุการณ์ของความแตกแยกเหมือนช่วงนี้หรือ?
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา หรือไม่มีตัวตน ก็จะไม่เห็นแก่ตัว เพราะแม้แต่ตัวเราก็ไม่มีตัวตน
เมื่อใช้ปัญญา พิจารณาในการใช้ชีวิต ย่อมมองเห็นว่าใครที่มีเป้าหมายอย่างไรในคำพูดนั้น ๆ
ที่ไม่น่าเชื่อก็คือหลาย ๆ คน พูดโกหกมาก จนตัวเองเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ผมจึงสรุปเรื่องของการสวดมนต์ ว่ายังคงสวดต่อไปนะ เพราะผมไม่เคยขออะไรจากการสวดมนต์ ไหว้พระ และผมรู้ความหมายของบทสวดที่ผมสวดอยู่บ้าง และเช่นเดียวกับที่แขวนพระ
ผมสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อระลึกอยู่เสมอว่าผมเป็นพุทธ ต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดำรงตนอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา
เหมือนที่ผมบอกรักกับคนรักผมทุกวัน เพราะเมื่อผมยังบอกได้ย่อมหมายความว่าผมยังคงรัก ด้วยผมไม่สามารถหลอกตัวเองได้

หากใช้ชีวิตโดยอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา โลกนี้คงสงบ และเป็นสุขขึ้นอีกเยอะ
อย่าใช้ชีวิตอยู่โดยการหลอกตัวเองและเห็นแก่ตัวกันเลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น