วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เวลา

คุณเคยอ่านเรื่อง "โมโม่" มิชาเอล เอ็นเด้ ไหม? น่าสนใจนะ เป็นหนังสือที่ผมอ่านไปประมาณ 3-4 รอบได้ เรื่องเค้าเล่าถึงเด็กผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากความสุข และเวลาที่มีอยู่มากมาย ถ้ายังไม่อ่าน ก็ลองหามาอ่านดูนะ

ตอนที่ผมอ่านจบครั้งแรก ผมมีความคิดว่าตัวเองเป็นอะไรที่อยู่ครึ่ง ๆ ระหว่าง โมโม่ กับ พวกที่ถูกขโมยเวลาไป แล้วผมก็เฝ้าถามตัวเองอยู่ว่า
ผมอยากเป็นอย่างไหน หรือ มีความสุขกับอย่างไหนกันแน่..
สำหรับผมเวลาเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แล้วก็ไม่มีหน่วยวัดที่แน่นอน เหมือนกับหน่วยนับอื่น ๆ อย่าง หนึ่งกิโลเมตร ยังไงมันก็มาจาก หนึ่งพันเมตร หรือว่าเราจะวัดยังไง มันก็เท่าเดิมอยู่ดี หรือน้ำหนัก สิบกรัม ยังไงมันก็เป็นสิบกรัมอยู่ดี จริงไหม? แต่เวลานี่ซิ คุณรู้สึกได้ยังไงว่าเวลามันเร็วหรือช้า หนึ่งวินาที มันจะเท่ากับ หนึ่งวินาทีตลอดไปจริงหรือ? คำตอบสำหรับผมคือไม่! คุณเคยรู้สึกไหมว่าเวลาดูหนังบางเรื่องจบเร็ว บางเรื่องจบช้า ทั้ง ๆ ที่บอกว่าฉายเวลาเท่า ๆ กัน หรือ ช่วงเวลาที่กำลังเล่นอะไรซักอย่างนึง กำลังเพลิน ๆ เผลอแป๊บเดียว ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ตอนที่ทำงานหรือเรียน เวลา หนึ่งชั่วโมง รู้สึกว่ามันช้ามาก

หรืออย่างเมื่อวานนี้ ผมแวะเข้าไปที่ทำงานเพื่อน เพื่อนกำลังนั่งทำงานอยู่ พอผมจัดการกับธุระของตัวเองเสร็จ เพื่อนยังไม่เสร็จงาน ก็นั่งรอ เป็นครั้งแรก ๆ ที่เวลาไปรออะไร
แล้วไม่ได้พกหนังสือไปด้วย ความรู้สึกของผมจาก สิบเอ็ดโมง จนถึงเที่ยง แค่ชั่วโมงเดียว รู้สึกว่ามันช้า ช้ามากๆ ช้ากว่าที่ผมเข้ามาเริ่มทำธุระจนเสร็จซะอีก ทั้งที่ผมใช้เวลาช่วงแรกไปสองชั่วโมง กลับรู้สึกว่าเร็วกว่าเวลาที่นั่งรอหนึ่งชั่วโมงมากเลย แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดเรื่องความเร็วความช้าอะไรหรอก เพราะเวลาน่ะผมมีอย่างเหลือเฟือ ที่จะทำอะไรก็ได้ โดย จริง ๆ นะ ถึงจะมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่า ๆ กัน แต่ของผมมีเยอะกว่าของหลาย ๆ คนเลยละ
มีคนถามบ่อย ๆ ว่า เอาเวลาที่ไหนไปทำอะไร ตั้งเยอะตั้งแยะ ผมไม่อยากบอกพวกเขาหรอกว่า ก็เพราะเวลาผมมีเยอะแยะน่ะซิ ผมเลยได้แต่ยิ้มตอบไป


หากจะเปรียบเทียบกันอีก ในหนึ่งปี ผมว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นเร็วมาก ๆ แต่ก็ไม่มากจนตามไม่ทัน เหมือนเวลาที่เราเดินทาง ไม่ว่าจะด้วยอะไร ถ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมาก ๆ เราก็จะมองไม่เห็นสองข้างทาง

ถูกไหม? แต่ถ้าเราลดความเร็วลง เราก็มองสองข้างทางได้เต็มตาขึ้น มากขึ้น แล้วยังถึงจุดหมายเหมือน ๆ กันอยู่ดี หรืออย่างการไปเที่ยวที่ไหนซักแห่ง อย่างเช่น น้ำตก หลาย ๆ คนจะรีบเดินทาง เริ่มจากทางเข้า เพื่อไปให้ถึงตัวน้ำตกโดยเร็วที่สุด แล้วคนพวกนั้นจะเห็นหรือว่าระหว่างทางมีอะไรบ้าง มีมอส มีไลเดนท์ ที่สวย ๆ มีแมลงแปลก ๆ ดอกไม้ ดอกหญ้า หิน ดิน ใยแมงมุม ทุอย่างสวยงาม เพียงแต่พวกเขาไม่เห็นมันเพราะบอกกับตัวเองเพียงว่าเวลามีน้อย รีบไปดู ไปเล่นน้ำตกดีกว่า แค่เพียงเราลดความเร็วของเวลาลง เราก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

นั่นทำให้ผมเป็นคนที่มีเวลาอยู่กับตัวเยอะแยะ มีเวลาที่จะให้กับพ่อแม่ พี่น้อง คู่ชีวิต เพื่อน ๆ หมา ๆ แล้วก็อื่น ๆ อีกมากมาย โดยที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกว่าเวลามันหายไปไหนเลย


เมื่อเช้าพอกินข้าวเช้าเสร็จ ผมก็เล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมไปเรื่อย แฟนกำลังล้างชามอยู่ก็บอก เร็วคะเดี๋ยวไปไม่ทัน ซึ่งหมายถึงผมจะไปส่งเธอไปทำงานไม่ทัน แต่ผมกลับคิดว่าผมยังมีเวลาอีกเยอะแยะ ก็เลยเดินเอาข้าวผัดไปให้แม่ที่บ้าน กลับมาเล่นกับหมาอีกนิดหน่อย แล้วก็ไปส่งแฟน ก็ยังทันอยู่ดี แสดงว่าเวลาเท่าๆ กัน มันอาจจะเร็วช้าไม่เท่ากันได้ในแต่ละคน

เมื่อก่อนนี้ผมก็เป็นคนที่ใช้เวลาอย่างสิ้นเปลือง แล้วบ่นว่าไม่มีเวลาเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะเปลี่ยนมาหลายปีแล้วก็ได้นะ ทำให้ผมสามารถทำอะไร อะไร ได้มากขึ้น โดยที่ไม่รู้สึกว่าเสียเวลา หรือไม่มีเวลาซักที อาจจะมีบ้างบางครั้งที่งานเสร็จไม่ทันกำหนด แต่พอเริ่มรู้สึกว่าเวลาไม่ทันแล้ว ผมก็จะบอกกับตัวเองใหม่ว่า ไม่ทันได้ไง ในเมื่อผมมีเวลาอยู่เยอะแยะ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ หลาย ๆ ครั้งคนมักถามถึงเรื่องงานว่า ทำไปได้ยังไง เวลาแค่นี้ ก็ผมมีเวลาอยู่อย่างเหลือเฟือนั่นไงคำตอบ

เวลา ไม่มีหน่วยนับที่แน่นอนหรอก หน่วยวัดนั้นอยู่ที่ใจเรามากกว่า ว่าอยากให้มันเร็วหรือช้า เพียงพอ หรือ ไม่พอเพียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น