วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ว่าด้วยเรื่องไทย ไทย

นานมาแล้วเคยคุยกับพี่คนนึงเกี่ยวกับเรื่องลักษณะนิสัยของคนไทย แล้วสรุปกันว่าตรงกับที่เคยได้ยินมาเลยว่า "ทำอะไรตามสบายคือไทยแท้" และในความคิดของผมแล้ว ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และความอุดมสมบูรณ์เป็นต้นเหตุของลักษณะนี้
คนไทยไม่ชอบวางแผนการทำงาน, ไม่ชอบกฎระเบียบ แล้วก็ไม่ตรงเวลา สาเหตุก็เนื่องมาจากที่ลักษณะอากาศบ้านเรานั่น ไม่มีฤดูไหนที่ไม่สามารถหาอาหารได้ หรือไม่มีฤดูไหนที่เดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้
ด้วยลักษณะอากาศเช่นนี้ ทำให้คนไทยไม่จำเป็นต้องวางแผนตระเตรียมอะไรนัก ในการดำเนินชีวิตในปกติสุข
แตกต่างกับประเทศเมืองหนาว เมื่อถึงฤดูหนาว นั่นหมายความว่าพวกเขต้องมีอาหารกักตุนไว้เพียงพอกับการกินการอยู่ตลอดทั้งฤดู เพราะการจะออกไปหาอาหารนั้นต้องฝ่าทั้งหิมะที่หนาวเย็น และยังมีโอกาสหาอาหารได้น้อยอีกด้วย
พืชผักต่าง ๆ โดนหิมะเข้าก็พักตัว ไม่เจริญเติบโตซะงั้น เพราะมีฤดูหนาวที่รุนแรงนี่เอง ทำให้คนในเมืองหนาวต้องวางแผนการเตรียมอาหารสะสมไว้ ในระหว่างฤดูอื่น ๆ ที่ยังหาอาหารได้สะดวก ทำให้ติดเป็นนิสัย ต้องวางแผนในการทำงานเสมอ
พอคนไทยไม่ต้องวางแผนในการดำรงชีวิตแล้ว ก็แล้วเลยไปถึงการที่ไม่ชอบกฎระเบียบเพราะรักความสะดวก และคิดว่าสามารถจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเลยไปถึงการที่ไม่รักษาเวลาด้วยเลย
การอยู่ในบ้านเมืองที่อุดมสมบูรณ์นี่ ก็ทำให้คนนิสัยเสียได้นะ
แต่ความอุดมสมบูรณ์ก็ทำให้เกิดลักษณะนิสัยที่ดี ๆ เช่นกัน เพราะการที่มีข้าวปลาอาหารอยู่อย่างมากมาย จึงกลายเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเห็นอกเห็นใจ แล้วก็มีน้ำใจระหว่างกัน แต่ในปัจจุบันคงจะลดลงไปทุกทีแล้วละ เอาแค่ในชีวิตผมนี่ ผมเห็นคนที่เป็นคนดีจริง ๆ ในประเทศไทยนี่เป็นส่วนน้อยแล้ว
สมัยก่อนตอนที่ผู้คนยังไม่มากขนาดนี้ ก็ยังคงสภาพสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้อยู่หรอกนะ ความเจริญที่เข้ามาคงทำให้ใจของคนเหือดแห้งลงไปด้วย
เรื่องเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคนไทยนี่คิดมานานแล้ว ก็คิดว่าทำไมไม่มีใครคิดอย่างเราหว่า พอดีได้หนังสือของคุณ ส.ศิวรักษ์ เรื่อง ตายประชดป่าช้า ที่พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2514 ในเล่มก็มีเรื่องของผู้ที่คิดคล้าย ๆ กับผม ก็ดีใจว่าเราก็คิดได้คล้าย ๆ ผู้รู้เหมือนกันนะเนี่ย

เมื่อเดือนก่อน พ่อกับแม่ก็มาบ่นให้ฟังถึงเรื่องเกี่ยวกับน้ำใจกับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ฟัง ปกติแถว ๆ บ้านจะมีคนรู้จักกัน ขับมอเตอร์ไซค์มาขายห่อหมกปลาอยู่บ่อย ๆ บางครั้งเขาก็มาสั่งเอาใบตองกับแม่ผม เพราะมันถูกกว่าที่ตลาด คือพอแม่ผมตัดใบตองแล้ว ส่วนใหญ่จะเอาไปขายตลาด (แหม เหมือนอยู่ต่างจังหวัดเลยนะ)
เราก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แต่บ้านผมน่ะซื้อของเขาบ่อยกว่านะ แล้วก็เป็นเรื่องให้หงุดหงิดกันจนได้ เพราะตอนเขามาสั่งใบตอง แม่ผมบอกว่าเอาเป็นแลกกับห่อหมกห่อนึงละกัน เขาก็ตกลง พอตอนเย็นเขามาเอาใบตองเค้าก็เตรียมห่อหมกมาเป็นพิเศษเลย เพื่อแลกกับใบตองเราเลย ในราคาเท่ากันนะ
พอพ่อผมเขาแกะห่อหมกจะกิน ปรากฎว่า มีเนื้อห่อหมกนิดเดียว ที่เหลือเป็นผัก...อืม น้ำใจที่เราให้คนอื่น อาจจะโดนตอบแทนด้วยความเห็นแก่ตัวก็ได้นะ
ตอนนี้ไม่รู้ว่า พ่อแม่ผมยังซื้อห่อหมกของคนนี้อยู่หรือเปล่านะ แต่เห็นแกก็ไม่คิดอะไรเท่าไหร่ แค่บ่น ๆ ในฟัง
ก็ทำให้เห็นว่าคนเรานี่พร้อมที่จะเอาเปรียบคนอื่นอยู่เสมอ ก็คงได้แต่คอยระวังใจระวังตัวเองไม่ให้เอาเปรียบใคร แล้วอย่าให้ใครเอาเปรียบก็พอนะ

อย่าให้ภูมิอากาศ ภูมิประเทศมาทำให้เราเป็นเลย ใจของเรารู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรที่ดี อะไรที่ไม่ดี
อย่าให้ใจเราเหือดแห้ง เพราะความเจริญที่เพิ่มขึ้น เติมน้ำในใจให้เต็มและพร้อมจะแบ่งปันอยู่เสมอ สังคมไทยจะน่าอยู่ขึ้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น