วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความนับถือความคิด

สองสามปีมาแล้วที่ผมแทบจะไม่ซื้อของปลอมเลย ไม่ว่าจะเป็นเพลง, หนัง, เกมส์ หรือเสื้อผ้า
ก่อนหน้านั้นผมก็พยายามใช้แต่ของแท้นะ แต่ก็มีบ้างที่ใช้ของปลอม แล้วก็ตามใจตัวเอง ซื้อซะบ่อย ๆ
แต่หลัง ๆ นี่ก็ซื้อน้อยลงมาก ๆ จนมาปีนี้ ก็ตั้งใจไว้เลยว่า จะซื้อเฉพาะของแท้เท่านั้น แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังสามารถทำได้อยู่ และตั้งใจจะทำให้ได้ตลอดไปด้วยนะ

สาเหตุที่ผมใช้แต่ของแท้ไม่ใช่ว่ารวย หรือเป็นคนดี หรือ หาซื้อของปลอมไม่ได้หรอก แต่เพราะความคิดผมมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะละมั้ง


ผมเป็นคนที่คิดโน่น คิดนี่ แล้วก็พยายามทำอยู่ตลอดเวลา ผมเลยรู้ว่าความคิดแต่ละอย่างกว่าจะออกมาเป็นชิ้น เป็นอันได้ มันลำบากมาก

ในที่ทำงาน ผมคิดและวางแผนการทำโน่น ทำนี่ ออกมาเป็นรูปแบบการนำเสนอ เยอะแยะ มีทั้งที่นำมาทำจริง และไม่ได้ทำ รวมทั้งได้ทำ แต่เป็นชื่อคนอื่น!!
นั่นเป็นเหตุผลนึงว่าผมเข้าใจว่าคนที่ถูกขโมยความคิดไปใช้น่ะ เป็นยังไง มันน่าเจ็บใจนะ เพียงแต่ผมคิดว่าถ้ามันเป็นประโยชน์ก็ช่างมันเถอะ T_T
เหตุผลอื่น ๆ ก็อย่างเช่น แผ่นดีวีดี ของปลอมคุณอาจจะซื้อได้ในราคา 50-60 บาท แต่ของแท้ต้องใช้เงิน 200-500 บาท ก็สามสี่เท่าของราคาของปลอมเลยนะ
แต่ผมก็ยอมซื้อของแท้นะ บางเรื่องก็ซื้อตอนออกแรก ๆ บางเรื่องก็ซื้อตอนออกมานานแล้ว ราคาลดลงบ้าง ก็ดี ลองคิดดูนะ ซื้อแผ่นปลอม ราคาถูก ทำให้เราตามใจตัวเองง่ายขึ้น คิดจะซื้อก็ซื้อเลย โดยไม่พิจารณาก่อนว่าหนังเรื่องนั้น ๆ เราชอบจริง ๆ หรือดีจริง ๆ หรือไม่ เนื่องจากมันถูก ก็สักแต่ว่าซื้อไปก่อน แล้วค่อยดูทีหลัง แต่การซื้อแผ่นแท้ต้องพิจารณาก่อนว่าชอบจริง ๆ หนังดีจริง ๆ จึงตัดสินใจซื้อ

หากเปรียบเทียบกันจริง ๆ ซื้อแผ่นแท้เดือนละแผ่น ราคาสามร้อยบาท ได้ดูอย่างเต็มที่ก็แสนคุ้ม แต่แผ่นปลอมตอนซื้อก็เอาโปรโมชั่น ซื้อห้าแถมหนึ่งอะไรอย่างนี้
ได้หนัง 6 เรื่อง ราคาพอ ๆ กับแผ่นแท้เรื่องนึง แต่ได้ดูจริง ๆ กี่เรื่อง คุ้มจริง ๆ หรือ? โดยตัวผมเองผมว่าไม่คุ้ม เพราะเห็นว่าราคาถูก ซื้อง่าย แต่ไม่ได้ดู หรือดูไม่จริง ๆ จัง ๆ ก้เหมือนเอาเงินไปทิ้งนั่นเอง

ที่บ้านผมนี่น่าจะมีของแท้เกินกว่าครึ่งนะ สำหรับแผ่นดีวีดี ส่วนซีดีเพลงนะ ไม่ของปลอมไม่ถึงสองเปอร์เซ็นต์หรอก
ผมว่าคุณภาพเสียงมันสู้ของแท้ไม่ได้เลย จริง ๆ นะ การที่เราจะซื้อเพื่อความบันเทิงนี่ ไหน ๆ ก็จะเสียเงินแล้ว ขอให้มันมีคุรภาพดี ๆ แล้วก็เก็บไว้ได้นาน ๆ หน่อยเถอะ
แต่ปัญหาใหญ่ช่วงหลัง ๆ คือร้านขายแผ่นแท้ๆ น้อยลงทุกที อีกไม่นานคงเข้าสู่ยุดดิจิตอลโหลด ซึ่งผมคงไม่ปลื้มหรอกเพราะดิจิตอลมันจับต้องไม่ได้น่ะ

เฮ้อ ! คิดแล้วก็ได้แต่สงสารคนที่เขาทำเขาคิดออกมา ถ้าไม่ใช้ของจริงกัน แล้วอีกหน่อยใครเขาจะคิดงานดี ๆ ออกมาให้เราได้เสพกันละ

เคยบอกแล้วว่าผมเป็นคนที่ชอบเล่นเกมส์ ตอนที่ Sony Playstation เครื่องแรกออกมานะ อุตส่าห์ซื้อมาจากญี่ปุ่นนะ เอามาเล่นกับแผ่นแท้ มีแผ่นแท้แค่ 3-4 แผ่นก็เล่นได้ยาว ๆ พอแผ่นปลอมออกมา ก็เปลี่ยนไปเล่นแผ่นปลอม แล้วก็ไม่รู้สึกว่าผิดนะ (ช่วงนั้น) ถ้าพูดกันตรง ๆ เกมส์ที่ซื้อมามีไม่กี่เกมส์ที่เล่นจนจบ เพราะความรู้สึกที่ว่าไม่เสียดายนี่เอง แล้วก็ซื้อแผ่นปลอมจนราคารวม ๆ ซื้อแผ่นแท้ได้อีกกี่แผ่นไม่รู้
ต่อมาพอเลิกเล่น Play1 ก็ขายไป ซื้อ Sega Saturn, Dream cast, Play2 ถึงตอนนี้ไม่มีแล้วขายไปหมดแล้ว กำลังเก็บเงินรอซื้อเครื่องใหม่อยู่ เลยตัดสินใจไว้ว่าจะเอา Play Station3 นะ เพราะไม่มีแผ่นปลอม
มาทำให้ลังเลใจ รวมทั้งเทคโนโลยีบลูเรย์ดิสก์ ที่อยากได้ก็ยังไม่มีแผ่นปลอม จะได้เป็นเครื่องที่ตอบสนองความต้องการทางจิตใจของผมได้ตรงที่สุดทั้งเทคโนโลยี เกมส์ บูลเรย์ แล้วก็ใช้ของแท้
แต่ไม่ได้รีบซื้อนะ เพราะตั้งใจจะเก็บตังค์ ไปซื้อเป็นเงินสดน่ะ จะได้ไม่มีหนี้บัตรเครดิตเพิ่ม ฮา..

โดยหลัก ๆความคิดของผมนั้นคิดว่าปัญหาเรื่องของการไม่นับถือความคิดของคนอื่น เป็นสาเหตุของปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์

การที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบอกว่าไม่รู้ว่าที่ไหนบ้างที่มีปัญหาพวกนี้นะ จริงหรือ? ถามเด็กประถมเอายังรู้เลยว่าจะซื้อแผ่นปลอม, ของปลอมที่ไหน
พ่อแม่ ก็เป็นตัวอย่างซื้อแต่ของปลอม ลูก ๆ เห็นก็ทำตาม ครูบางที่ยังใช้แผ่นปลอมประกอบการสอนเลย
ปัญหานี้ ผมว่าแก้ในชั่วคนเดียวไม่ได้หรอก คงต้องเริ่มกันตั้งแต่ ระบบครอบครัวที่ไม่ทำให้เห็นการซื้อของปลอมเป็นเรื่องปกติ, การศึกษาที่เน้นให้คนเรียนคิดเป็น คิดได้ ไม่ใช่ท่องจำแล้วเอาไปสอบนะ
จากนั้นก็ต้องสอนให้เข้าใจหลักการของศีลธรรมและจริยธรรมอีกด้วย ในส่วนของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ต้องจริงจังในการปราบปรามพวกของปลอม และการสนับสนุนของแท้ โดยไม่เห็นกับผลประโยชน์
อืม.. ว่าไปก็เป็นเรื่องยากนะเนี่ย เอ.. จะใช้คำาว่า "difficult" หรือ "impossible" ดีนะเนี่ย

เอาเป็นว่าเริ่มจากตัวเองก่อนก็ละกัน จากจุดเล็ก ๆ ถ้าคนรอบ ๆ ตัวเรา เห็นแล้วเห็นด้วย จุดเล็ก ก็ค่อย ๆ ซึมขยายออกไปได้เองแหละ
เหมือนผ้าที่โดนหมึกซึม จากจุดเล็ก ๆ ถ้าซึมอย่างต่อเนื่องมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เอง

เพราะนับถือความคิดของตัวเองแล้ว จึงทำให้ยอมรับที่จะนับถือความคิดของคนอื่น ๆ ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น