วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เรื่องแปลก ๆ

เมื่อวานเป็นวันที่น่าผิดหวังอีกวันนึงแล้ว
ไม่ได้เขียนบันทึก แล้วยังทำอะไร ๆ ที่ว่าจะไม่ทำแล้วอีก ... เอาน่ะ พลาดกันได้นะ

เรื่องแปลก ๆ ที่ขึ้นหัวไว้น่ะ น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุก ๆ วันนั่นแหละนะ
ตอนเช้าเดินทางไปทำงานก็คิดไปด้วย ว่าทำไม บ้านเราถึงได้มีจราจรที่ติดขัดกันนัก
จากประสบการณ์ที่เดินทางไปมาหลาย ๆ ที่ ผมว่า บ้านเรานี่แหละ รถติดมาก ๆ เลย
ก็เลยคิดออกมาได้เป็นหลายเงื่อนไขนะ เช่น การที่คนไทย ไม่ปฏิบัติตามกฎจารจร, การที่ไม่เอื้อเฟือเผื่อแแผ่กันและกัน, ความเห็นแก่ตัว, ความประมาท ฯลฯ
การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ก็เห็นได้ง่าย ๆ นะ การขับรถผิดเลน ขับรถคร่อมเลน จะไปตรงแต่วิ่งเลนซ้าย ที่เขาไว้ให้รถเลี้ยว จอดรถเลยเส้น เข้าไปในทางม้าลาย การจอดรถข้างถนน ขับรถสวนเลน เยอะแยะ ซึ่งทำให้รถติดอย่างมาก ๆ
การไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็อย่างการไม่ยอมชะลอให้คนข้ามถนน การไม่ยอมให้รถที่เปลี่ยนเลน การบังทางวิ่งที่มอเตอร์ไซค์วิ่งได้ การบีบแตรไล่ทั้ง ๆ ที่รถก็ติด อืม... แปลกนะ "เมืองพุทธ"
ความเห็นแก่ตัว ก็เป็นเหตุให้เกิดเรื่องของการผิดกฏจราจรและการไม่เอื้อเฟือเผื่อแผ่นั่นแหละ
ส่วนความประมาทก็เห็นกันอยู่ทุกวัน ๆ การขับรถเร็วโดยไม่จำเป็น ขับมอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก การแซงในระยะกระชั้นชิด การฝ่าไฟเหลือง ไฟแดง การเร่งออกรถก่อนไฟเขียว....
ถ้าคุณลองพยายามขับรถอย่างถูกกฏจราจรดู คุณก็จะพบการโดนบีบแตรไล่ การขับปาดหน้าเพื่อแสดงความไม่พอใจ และอื่น ๆ นั่นเป็นเพราะคนส่วนมากเห็นว่าการทำความผิดเป็นเรื่องปกตินะซิ ผมเห็นด้วยกับป้ายรณรงค์ที่ติด ๆ กันอยู่นะ "วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ" เป็นข้อความที่ถูกต้องมาก ๆ
ลองคิดกันดูเล่น ๆ มันน่าแปลกไหม ที่การที่จราจรติดขัด เป็นปัญหาจากผู้ขับขี่เอง แต่ทั้งผู้ขับขี่และผู้มีอำนาจบอกว่า มันเพราะถนนไม่พอต้องขยายถนน... โอ... ถนนมากขึ้น รถมากขึ้น น้ำใจน้อยลง...

ปีก่อนได้มีโอกาสไปที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น นั่งรถเมล์เมืองเขา ข้อนึงที่รู้อยู่แล้วว่า ความสะอาดของรถและมารยาทของคนขับเหมือนอยู่คนละโลกกับบ้านเราเลย... เคยนั่งมาแล้วในเมืองอื่น ๆ นี่เป็นครั้งแรกในเกียวโต คนขับเขาดับเครื่องเมื่อจอดรถทุกครั้งเลยนะ เห็นอย่างนั้น พอกลับมาเวลาขับรถติดไฟแดง ผมก็ดับเครื่องบ้าง ไม่ได้คิดถึงการประหยัดน้ำมันเท่าไหร่ แต่คิดถึงการปล่อยคาร์บอนไปสู่บรรยากาศต่างหาก พอทำก็คงมีหลาย ๆ คนแหละที่ว่าแปลก แล้ว ณ วันนี้พอจอดติดไฟแดง ผมเริ่มเห็นคนอื่น ๆ เริ่มดับเครื่องบางแล้ว คงต้องลองด้วยตัวเองนะ ถึงจะรู้ว่าเมื่อทำแล้วจะเกิดความรู้สึกลักษณะใดขึ้นมา อย่าเห็นแก่ตัว แล้วทำร้ายโลกกันนักเลยนะ

ต้นปีนี้ก็ไปทำงานที่เมืองนารา ญี่ปุ่นอีก ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี เพื่อนญี่ปุ่นที่รู้จักกันหลาย ๆ คนเริ่มเอาข้าวกล่องมากินที่ทำงานแล้ว ถึงที่ทำงานที่ญี่ปุ่นจะมีโรงอาหารที่ขายอาหารราคาถูกกว่าข้างนอก เขายังเอาข้าวกล่องมากินเลย ไปมาตั้งหลายครั้งไม่เคยเห็นเขาทำ แต่รอบนี้หลาย ๆ คนเปลี่ยนไปกินข้าวกล่อง
กลับมาก็เลย เอาบ้าง เอาข้าวกล่อง ไปกินที่ทำงานบ้าง แน่ละ เพื่อนก็มองว่าแปลกแน่ ๆ แต่ลองคิดดูดี ๆ ผมสบายใจกับอาหารที่เอาไป เพราะเช้า ๆ แฟนผมเขาทำกับข้าวทุกวันอยู่แล้ว แปลกอะไรละที่ผมจะเอากับข้าวและข้าวที่เหลือไปกินที่ทำงาน สะอาดและประหยัด สบายใจ และจำกัดปริมาณการกินได้ แล้วก็ได้กินข้าวกล้องด้วย ก็ร้านแถวบริษัทผมเขาไม่มีขายข้าวกล้องนะ แต่ที่บ้านกินอยู่แล้ว ก็เป็นกำไรให้กับชีวิตอีกอย่างนะ ไม่แปลกหรอก..

เมื่อวานไม่มีข้อความอะไร วันนี้เดี๋ยวเขียนให้ 2 ชุดเลย พอเริ่มเขียนบันทึกก็รู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องที่คิด ๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

เรื่องแปลก ๆ ที่อยู่รอบตัวเรานะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ถ้าเราเอาเรื่องแปลกที่เป็นเรื่องดีมาทำจนหลาย ๆ คนเปลี่ยนมาทำตาม โลกก็ดีขึ้น แต่ถ้าเอาเรื่องไม่ดีมาทำเพราะคิดว่าดี โลกก็คงแย่ลงเรื่อย ๆ นะ
พลังจากคนเพียงคนเดียว แต่ทำอย่างมั่นคงและมั่นใจ ก็คลอนโลกได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น